เปิดทำการ จ - ศ : 08.30 - 22.00 น. ส - อา : 09.00 - 22.00 น.
eTravelWay.com logo
Add Friend Add Friend
ติดตามข่าวสารโปรโมชั่นดีดี

เพิ่มเพื่อน LINE รับข่าวสาร โปรโมชั่น
@etravelway

รับโปรโมชั่นดีดี
Add Friend
เฉพาะคอทัวร์โปรไฟไหม้
ทัวร์ถูกคุณภาพคุ้มค่า
ทัวร์หลุดจอง
เพิ่มเพื่อน LINE ทัวร์ไฟไหม้
@etravelway.fire

เฉพาะคอทัวร์โปรไฟไหม้
แชทผ่าน Facebook ติดต่อผ่าน Facebook
fb.me/etravelway

สอบถามทาง Facebook
ค้นหาทัวร์ :
ยุโรปตะวันออก
- ทุกสายการบิน -
รายการที่ 113 ถึง 168 จาก
ทัวร์ยุโรปตะวันออก 39 รายการ

แพคเกจทัวร์ / ทัวร์ต่างประเทศ : ทัวร์ยุโรปตะวันออก

ไม่พบรายการทัวร์ที่ท่านเลือก... ลองเลือกทัวร์อื่นๆ จากเมนู หรือลอง "ค้นหาทัวร์" ดูสิ
รายการที่ 113 ถึง 168 จาก
ทัวร์ยุโรปตะวันออก 39 รายการ
แพคเกจทัวร์ ( ทัวร์ต่างประเทศ )  - อัพเดตทุกสัปดาห์ !
หมายเหตุ:-
eTravelWay.com สงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงราคาทัวร์ยุโรปตะวันออก, โปรแกรมท่องเที่ยวยุโรปตะวันออก และข้อมูลอื่นๆโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
เครื่องมือนักท่องเที่ยว
อัตราแลกเปลี่ยนเงิน
การจองและชำระเงิน
เกร็ดความรู้พาสปอร์ตไทย
ตารางการบินภายในประเทศ
    ไลอ้อนแอร์
    แอร์เอเชีย
    นกแอร์
    การบินไทย
    บางกอกแอร์เวยส์
ทัวร์เที่ยวยุโรปตะวันออก EAST EUROPE ออสเตรีย-ฮังการี-สโลวาเกีย-เชค-เยอรมัน
ทัวร์ยุโรปตะวันออก สงบ สวย ด้วยกลิ่นอายแบบยุโรปแท้ๆ
นำท่านสู่ปลายทางเมืองสวรรค์แห่งยุโรปตะวันออก ดื่มด่ำไปกับมนต์เสน่ห์ความเก่าแก่แห่งโบฮีเมียน และเพลิดเพลินกับ ดนตรีขับกล่อม พร้อมโชว์ระบำยิปซีที่เป็นเอกลักษณ์ ณ กรุงปราก ท่องเที่ยวแบบกินหรู อยู่สบาย พักผ่อนกับโรงแรมที่มีมาตรฐานระดับ 4 ดาวและ 5 ดาวในเมือง ลิ้มลองอาหารท้องถิ่นขึ้นชื่อ พร้อมการันตีความอร่อยแบบยกนิ้ว อาทิ ขาหมูเยอรมันสูตรต้นตำรับ  ไส้กรอกเวียนนา เพลิดเพลินกับดนตรีขับกล่อม ณ ภัตตาคารหมู่บ้านกรีนซิ่ง เป็ดอบสไตล์โบฮีเมียน  ชิมไวน์พื้นเมือง ชมระบำพื้นเมืองแบบชาวยิปซี พร้อมกับเครื่องดื้มแบบไม่อั้น
หากคุณใฝ่ฝันอยากเดินเล่นในเมืองเล็กๆ ที่ทั้งสงบและสวยงามเหมือนอยู่ในเทพนิยาย ทัวร์ยุโรปโปรแกรมนี้น่าจะโดนใจคุณบ้างไม่มากก็น้อยเลยละ เริ่มต้นจากล่องเรือชมความงามสองฝั่งแม่น้ำดานูบอันแสนโรแมนติกของเมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี แล้วไปชมมหาวิหารแมททิอัสและลานฮีโร่สแควร์ โบราณสถานเก่าแก่นับพันปีของบูดาเปสต์ จากนั้นเดินทางไปยังกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย สัมผัสความงามของพระราชวังเชรินน์บรุนน์ มหาวิหารเซนต์สตีเฟ่น และปราสาทฮอฟบวร์ก ก่อนไปเดินเล่นกันที่ถนนคนเดินคาร์ทเน่อร์สตราเซ่ แล้วเดินทางสู่เมืองฮอลสตัท เมืองมรดกโลกเก่าแก่กว่า 4,000 ปี แล้วไปเดินชิลล์กันต่อที่ถนนซี สตราซ ถนนเลียบทะเลสาบสุดโรแมนติก จากนั้นออกเดินทางไปยังสาธารณรัฐเชก สู่เมืองเชสกี้คลุมลอฟ เมืองมรดกโลกที่มีประวัติยาวนานหลายร้อยปี ชมปราสาทคลุมลอฟและเมืองโบราณ แล้วไปชมความโรแมนติกย่านจัตุรัสเมืองเก่าของกรุงปราก ชมปราสาทแห่งกรุงปราก มหาวิหารเซนต์วิตัส และสะพานชาร์ลสที่ทอดตัวผ่านแม่น้ำวัลตาวา ซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 4 และเป็นแหล่งรวมของเหล่าศิลปินท้องถิ่นที่มักนำผลงานมาวางขาย สายอาร์ตน่าจะถูกใจแน่นอน ทัวร์ยุโรปโปรแกรมนี้ทั้งราคาดี แถมบรรยากาศก็โรแมนติกตลอดทาง ชวนคนข้างๆ มาฟินด้วยกันได้เลย

เที่ยวยุโรปตะวันออก EAST EUROPE 10 วัน

สวรรค์แห่งยุโรปตะวันออก ดื่มด่ำไปกับมนต์เสน่ห์ความเก่าแก่แห่งโบฮีเมียน และเพลิดเพลินกับ ดนตรีขับกล่อม พร้อมโชว์ระบำยิปซีที่เป็นเอกลักษณ์ ณ กรุงปราก ท่องเที่ยวแบบกินหรู อยู่สบายหากคุณใฝ่ฝันอยากเดินเล่นในเมืองเล็กๆ ที่ทั้งสงบและสวยงามเหมือนอยู่ในเทพนิยาย ทัวร์ยุโรปโปรแกรมนี้น่าจะโดนใจคุณบ้างไม่มากก็น้อยเลยละ เริ่มต้นจากล่องเรือชมความงามสองฝั่งแม่น้ำดานูบอันแสนโรแมนติก

สภาพอากาศในยุโรปตะวันออก

ฤดูใบไม้ผลิ (ปลายเดือนมีนาคม - พฤษภาคม)
ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการมาทัวร์ยุโรป เนื่องจากช่วงต้นฤดูอาจจะมีอากาศหนาวและจะค่อยๆ อุ่นขึ้นจนถึงประมาณ 20 องศาเซลเซียส ซึ่งถือว่ากำลังสบาย อากาศส่วนใหญ่จะแจ่มใสเหมาะกับการทำกิจกรรมกลางแจ้ง ในช่วงนี้ธรรมชาติทั่วทั้งยุโรปจะผลิดอกออกใบสวยงามที่สุดของปีเลยทีเดียว
ฤดูร้อน (มิถุนายน - ต้นเดือนกันยายน)
เป็นช่วงที่มีอากาศใกล้เคียงกับประเทศไทย โดยอาจจะมีอุณหภูมิสูงขึ้นไปถึง 35 องศาเซลเซียสหรือสูงกว่านั้น ในฤดูนี้จะมืดช้า ทำให้มีเวลาเดินทางท่องเที่ยวได้นานขึ้น โดยอาจจะมีฝนตกในบางวัน คุณจึงควรพกร่มหรือเสื้อกันฝนติดตัวไปทัวร์ยุโรปด้วยเพื่อความสะดวกสบายในการเดินทาง
ฤดูใบไม้ร่วง (ปลายเดือนกันยายน - พฤศจิกายน)
เป็นช่วงที่ธรรมชาติจะเริ่มสวยงามแปลกตาจากการเปลี่ยนสีของใบไม้ จากสีเขียวกลายเป็นสีแดง เหลือง ส้ม ทำให้เกิดสีสันสดใสละลานตา อากาศจะเย็นสบายไปจนถึงค่อนข้างหนาวในช่วงปลายฤดูกาล เป็นอีกหนึ่งฤดูที่เหมาะสมกับการไปทัวร์ยุโรปเป็นอย่างยิ่ง
ฤดูหนาว (พฤศจิกายน - กลางเดือนมีนาคม)
เป็นช่วงที่เหมาะกับคนที่ชอบอากาศหนาวและอยากสัมผัสกับบรรยากาศโรแมนติกท่ามกลางหิมะสีขาวโพลน อากาศโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ -2 จนถึง -5 องศาเซลเซียส หรือหนาวกว่านั้นในบางพื้นที่ เป็นอีกฤดูซึ่งยุโรปจะดูคล้ายเมืองในเทพนิยาย โรแมนติกไปด้วยแสงไฟกลางหิมะสีขาวยามค่ำคืน แต่จะมืดเร็วมาก ทำให้มีเวลาเดินทางท่องเที่ยวได้น้อยลง

สถานที่ท่องเที่ยวในทัวร์ยุโรปตะวันออก

กรุงเวียนนา (VIENNA) เมืองหลวงของประเทศออสเตรีย เป็นนครที่มีความทันสมัยแฝงอยู่ภายใต้สถาปัตยกรรมคลาสสิคอันทรงคุณค่า อีกทั้งยังเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างยุโรปตะวันตก และยุโรปตะวันออก มีพรหมแดนติดกับ 8 ประเทศด้วยกัน เยอรมัน เช็ค สโลวัค ฮังการี สโลเวเนีย อิตาลี สวิตเซอร์แลนด์ และ ลิกเตนสไตน์และไม่มีทางออกสู่ทะเล เป็นประเทศที่มีขนาดเล็กมากมีขนาดเล็กกว่าประเทศไทยถึง 6 เท่า นำท่าน ผ่านชมกรุงเวียนนา (VIENNA) เมืองหลวงของประเทศออสเตรีย เป็นศูนย์กลางการเศรษฐกิจและการปกครอง มีสถานที่ที่ได้รับเลือกให้เป็นมรดกโลกของยูเนสโก้ 2 แห่งคือเขตเมืองเก่าใจกลางกรุง  เวียนนา และยังเป็นประเทศมหาอำนาจในอดีตที่เคยครอบครองดินแดนต่างๆ ในยุโรปที่เรียกว่า “อาณาจักรออสเตรีย-ฮังการี” โดยมีกรุงเวียนนาเป็นเมืองหลวง เมืองแห่งเพลงวอลซ์นครแสนสวยงามร่มรื่นด้วย เหล่าไม้ดอก ไม้ประดับใกล้แม่น้ำดานูบ เมืองที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบบาร็อค และร็อคโคโคที่เป็นแบบของออสเตรียที่งดงามที่สุดในยุโรป สักขีพยานแห่งความรุ่งเรืองของอาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์และสมัยจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ฮับส์เบิร์กในอดีต และรวมคีตกวีเอกของโลก เช่น โมซาร์ท บีโทเฟน โยฮันสเตราท์ชมสถานที่สำคัญรอบถนนวงแหวน อาทิ โรงละครโอเปร่า อาคารรัฐสภาซึ่งสร้างด้วยศิลปะกรีกโบราณโบสถ์คาปูชินส์ สวนสาธารณะ STADTPARK ซึ่งเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์โยฮันสเตราท์ ซึ่งในฤดูร้อนจะมีการแสดงดนตรีบรรเลงเพลงวอลซ์ในสวนนำท่านช้อปปิ้ง ถนนคาร์ทเนอร์ (KARNTNERSTRASSE) ถนนช้อปปิ้งสายสำคัญของกรุงเวียนนาห้างสรรพสินค้า และร้านค้าแบรนเนมต่างๆ ตลอดสองฝั่งถนน ที่จะต้องถูกใจนักช้อปมีสินค้าให้เลือกมากมาย อาทิ เสื้อผ้าแบรนด์เนมยอดนิยม นาฬิกา ROLEX, LOUIS VUITTON และแบรนด์ดังอีกมากมาย
เข้าชมพระราชวังเชินบรุนน์ (SCHONBRUNN PALACE) ที่สร้างขึ้นอย่างวิจิตรในศตวรรษที่ 17-18 โดยกษัตริย์แห่งราชวงศ์ฮับส์เบิร์ก ที่ประทับของพระนางมาเรียเทเรซา และราชวงศ์ ชมห้องภายในพระราชวังกว่า 40 ห้องจาก 1,441 ห้อง ซึ่งเป็นห้องที่สำคัญๆ เช่น ห้องที่ประทับของพระนางมาเรียเทเรซา ชมสวนสไตล์ฝรั่งเศสรอบบริเวณพระราชวัง
เมืองเอสเตอร์กอม (ESZTERGOM) เมืองทางตอนเหนือของประเทศฮังการี ตั้งอยู่ใกล้กับชายแดนสโลวาเกียบริเวณโค้งของแม่น้ำดานูบ อีกทั้งยังเป็นสถานที่เกิดของกษัตริย์องค์แรกของฮังการี คือ นักบุญสตีเฟน นอกจากนี้ยังเป็นเมืองหลวงแห่งแรกของประเทศ ในช่วงศตวรรษที่ 11 จนถึงกลางศตวรรษที่ 13 ก่อนจะย้ายไปยังกรุงบูดา จนเป็นกรุงบูดาเปส ในปัจจุบัน เดินทางถึง เมืองเอสเตอร์กอม
เข้าชมมหาวิหารเอสเตอร์กอม (ESZTERGOM BASILICA) หรือที่คนในประทศรู้จักกันในนาม มหาวิหารเซนต์อดัลเบิร์ต (ST. ADALBERT BASILICA) เป็นมหาวิหารที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในฮังการี จนได้  ขึ้นชื่อว่าเป็น “ฮังการีวาติกัน” ที่มีความสูงถึง 70 เมตร และมีความกว้าง 40 เมตร ถือเป็นโบสถ์คาทอลิก ที่ใหญ่ที่สุดในฮังการีที่ท่านสามารถมองเห็นได้ในระยะไกลหลายไมล์ ภายในมหาวิหารท่านจะได้เห็น แท่นบูชาที่ใหญ่ที่สุดในโลก(ขนาด 13.5 × 6.6 เมตร) ชมภาพวาดขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่เหนือแท่นบูชาหลัก ของโบสถ์ ซึ่งเป็นการจำลองการขึ้นสวรรค์ของ Titian อิสระให้ท่านเพลิดเพลืนกับความยิ่งใหญ่อลังการ ของมหาวิหารที่มีความงดงามเหนือความคาดหมายตามอัธยาศัย

หมู่บ้านเซนเทนเเดร์ (SZENTENDRE) เมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำดานูบ แม่น้ำสายสำคัญที่มีความยาวเป็นอันดับ 2 ของทวีป ยุโรป โดยตัวเมืองนั้นตั้งอยู่ในมณฑลเปสต์ (Pest County) มณฑลที่ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศ เป็น เมืองเล็กน่ารักที่มีกลิ่นอาย ความเป็นเมืองแห่งศิลปะ มีถนนคนเดินกับร้านค้า ขายสินค้าท้องถิ่นเล็กๆ ที่มีเอกลักษณ์ส่วนมากเป็นของที่ระลึกจากฮังการี อาทิ ผ้าปักด้วยมือ ตุ๊กตาที่แต่งชุดสาวชาวฮังกาเรียน งานศิลปะ และของใช้แบบท้องถิ่นต่างๆ อิสระให้ท่าน เดินเล่นชมเมือง สัมผัสกับบรรยากาศของกลิ่นอาย แห่งศิลปะที่สามารถพบได้ในทุกมุมถนน

เมืองบูดาเปสต์(BUDAPEST) เมืองหลวงของประเทศฮังการี ซึ่งในอดีตเคยเป็นอาณาจักรเดียวกัน โดยใช้ชื่อว่า อาณาจักรออสเตรีย-ฮังการี เป็นเมืองหลวงที่มี ความงดงามติดอันดับโลก จนได้รับสมญานามว่า บูดาเปสต์ ไข่มุกแห่งแม่น้ำดานูบ เพราะทัศนียภาพบนสองฝั่ง แม่น้ำดานูบ (Danube) หรือที่คนฮังกาเรียนเรียกขานว่า ดูนา (Duna) เป็นแม่น้ำสายสำคัญที่ไหลผ่านกลาง เมืองทางทิศตะวันตก ของแม่น้ำดานูบ มีภูมิประเทศเป็นเนินเขาสลับซับซ้อนเรียกว่าฝั่ง บูดา (Buda) เต็มไป ด้วยสิ่งก่อสร้างสถาปัตยกรรมโบราณ และศิลปวัฒนธรรมอันเก่าแก่ ส่วนฝั่ง เปสต์ (Pest) มีลักษณะภูมิ ประเทศเป็นพื้นราบ เป็นย่านธุรกิจการค้าที่สำคัญของเมือง

จัตุรัสฮีโร่สแควร์ (Hero Square) เป็นลานโล่งกว้างขนาดใหญ่ ที่มีอนุสาวรีย์แห่งสหัสวรรษ (Millennium Memorial) ตั้งเด่นเป็นตระหง่าน อนุสาวรีย์แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการก่อตั้งอาณาจักรฮังการีครบรอบหนึ่งพันปี จากนั้นนำท่าน ชมป้อมปืน ฟิชเชอร์แมนบาสเตียน (Fisherman’s Bastion) ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1895 เป็นป้อมปราการสีขาว สไตล์นีโอโกธิค ที่มีลักษณะคล้ายปราสาทในเทพนิยายสร้างขึ้นเพื่อใช้  ป้องกันหมู่บ้านของตนเองจากการรุกรานของข้าศึก และเพื่อรำลึกถึงความกล้าหาญของเหล่าชาวประมงที่เสียสละชีวิตเพื่อปกป้องบ้านเมืองแห่งนี้ไว้  และเนื่องจากป้อมปราการแห่งนี้  ตั้งตระหง่านอยู่บริเวณบนสุดของ Castle Hill ท่านจะได้พบกับทัศนียภาพอัน งดงามของ อาคารรัฐสภา (Hungary Parliament) เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของฮังการี อาคารรัฐสภาตั้งโดดเด่นอยู่ริมแม่น้ำดานูบบนฝั่งเปสต์ เป็นอาคารรัฐสภาที่ชาวฮังกาเรี่ยนภูมิใจว่า เป็นอาคารรัฐสภาที่สวยที่สุดในโลก และใกล้ๆ กับอาคารรัฐสภายังมี สะพานเชน (Chain Bridge) หรือสะพานโซ่ เป็นอีกหนึ่งสิ่งก่อสร้างที่เป็นดั่งสัญลักษณ์ของบูดาเปสต์

จุดชมวิวบริเวณ ยอดเขาแกลเลิต (GELLERT HILL) เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นวิวบูดาเปสต์ทั้งสองฝั่งได้แบบพาโนราม่า นอกจากนั้นด้านบนยังมีสัญลักษณ์สำคัญอีกอย่างของฮังการี นั่นก็คืออนุสาวรีย์เทพีถือใบมะกอกชิตทาเดลลา (Cittadella) หรือที่บางคนจะรู้จักกันในชื่อเทพีเสรีภาพแห่งฮังการีนั่นเอง จากนั้นนำท่าน ล่องเรือชมบรรยากาศอันแสนโรแมนติก ของแม่น้ำดานูบช่วงที่งดงามที่สุด

เมืองบราติสลาวา (BRATISLAVA) เมืองหลวงของ สาธารณรัฐ สโลวาเกีย และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของสโลวาเกียบน 2 ฝั่งของแม่น้ำดานูบ มีอาณาเขตติดกับสาธารณรัฐออสเตรีย และ สาธารณรัฐฮังการีจึงเป็นเมืองหลวงแห่งเดียวในโลกที่มีอาณาเขตติดต่อกับ 2 ประเทศ เมืองบราราติสลาวา และกรุงเวียนนายังเป็นเมืองหลวง 2 แห่งที่ตั้งอยู่ใกล้กันมากที่สุดใน ยุโรป โดยตั้งอยู่ห่างกันไม่ถึง 60 กิโลเมตร เป็นเมืองเล็กๆ ที่คงความน่ารักไว้ได้เป็นอย่างดี เดินทางถึง เมืองบราติสลาวาชมทัศนียภาพอันสวยงามของเมือง บริเวณถนนไมเคิล อันเป็นที่ตั้งของอาคารเก่าหลากสีสันในสไตล์อาร์ตนูโว โดยมีอดีตอาคารรัฐสภา ที่ปัจจุบันกลายเป็นหอสมุดประจำเมือง แต่ที่เติมบรรยากาศคลาสสิกให้แก่ถนนไมเคิล นั้นก็คือ Michael’s Gate ประตูเมืองเพียงหลังเดียวจากจำนวน 4 หลังที่ยังหลงเหลืออยู่จากศตวรรษที่ 13 โดดเด่นเป็นตระหง่านตรงที่ยอดโดมทรงหัวหอมที่ทำเป็น3 ชั้นลดหลั่นกัน จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ Main Square อันเป็นหัวใจของบราติสลาวาที่เต็มไปด้วยความงดงาม และบรรยากาศที่มีชีวิตชีวา ทั้งศาลาว่าการเมือง โบสถ์ฟรานซิสกัน และบ้านเรือนของชนชั้นกลางที่ผ่านการบูรณะจนกลับมาสวยสดงดงาม ก็ทำให้รื่นรมย์ยิ่งนัก โดยเฉพาะรูปปั้นบรอนซ์ของนโปเลียน ที่ยืนเท้าเก้าอี้แบบไม่ยอมสวมรองเท้า เป็นการทำขึ้นแบบขำ ๆ เพื่อระลึกถึงครั้งที่นโปเลียนยกทัพมาบุกเมือง บราติสลาวาถึงสองครั้งสองครา เดินมาอีกไม่ไกลบนถนน Rybarska brana ท่านจะพบกับรูปปั้นอารมณ์ดี ยืนเปิดหมวกผายมือทักทายผู้คนที่เดินผ่านไปมาบนถนนสายนี้ ได้เวลาอันสมควร
เมืองเบอร์โน่ (BRNO) เป็นเมืองใหญ่อันดับสอง และเป็นเมืองหลวงของแคว้นโมราเวียใต้ของสาธารณรัฐเช็ก (รองจากกรุงปราก เมืองหลวงของประเทศ)ถูกค้นพบในปีค.ศ.1243ด้วยอาคารในเมืองเก่าย่านคนเดินเท้าล้วนมีเสน่ห์ในสไตล์สถาปัตยกรรมเก่าแก่ดั้งเดิม และถือเป็นเอกลักษณ์ของเมืองนี้ เดินทางถึง เมืองเบอร์โน่ นำท่าน ผ่านชมเมืองเบอร์โน่ (BRNO) ดื่มด่ำกับความงามของสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นในย่านเมืองเก่าของเบอร์โน สามารถมองเห็น ปราสาท Spilberk ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนเขา

เมืองคุทนา โฮรา (KUTNA HORA) เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเขตเซ็นทรัลโบฮีเมีย (Central Bohemian) เป็นเมืองที่สำคัญมากที่สุดเป็นอันดับสอง เนื่องจากเคยเป็นเมืองที่มีแร่เหมืองเงินเปิดมาเป็นเวลา 250 ปี จึงทำให้เมืองนี้มีความร่ำรวยไม่แพ้กรุงปราก และมีความสวยงามในอาณาจักรโบฮีเมียน ในปี 1995 คุทนาโฮราถูกประกาศให้เป็นแหล่งมรดกโลกได้รับการคุ้มครองจากองค์การยูเนสโก เดินทางถึง เมืองคุทนา โฮราจากกนั้นนำท่าน ถ่ายภาพกับโบสถ์เซนต์บาร์บารา (St.Barbara) เป็นโบสถ์แนวโกธิคที่โด่งดังในยุโรปกลาง และได้ขึ้นทะเบียนเป็น World Heritage Site โดย UNESCO โบสถ์สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1388 และใช้เวลาก่อสร้างยาวนานก็ยังไม่แล้วเสร็จ จนกระทั่งช่วงสงคราม Hussile ก็ได้หยุดสร้างไปถึง 60 ปีจนกระทั่งปี 1905 ถึงได้ทำการก่อสร้างต่อจนแล้วเสร็จ
เข้าชมโบสถ์คอสนิส (Kostnice Ossuary) หรือโบสถ์กระดูก เป็นโบสถ์สุสานเล็กๆ ตั้งแต่ตอนปลายของศตวรรษที่ 14 และได้ถูกสร้างใหม่ในสไตล์บาร็อค โดยเจบี ซานตินี่ ปรับเปลี่ยนให้เป็นงานศิลปะแห่งความตายอันน่ากลัว ประดับตกแต่งด้วยกระดูกมนุษย์ ทำเป็นฝ้าเพดาน โคมไฟระย้า แท่นบูชาโดยกระดูกที่ใช้นี้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 มาจากสุสานที่อยู่ติดกัน 
กรุงปราก (PRAGUE) เมืองหลวงของสาธารณรัฐเชคซึ่งอยู่ใจ กลางแคว้นโบฮีเมีย เมืองที่มีหลากหลายฉายา เช่น นครแห่งมนต์ขลัง นครแห่งความรุ่งโรจน์ นครร้อยหอคอยปารีสตะวันออก หรือน้องสาวของเวียนนา เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมอันงดงาม เดินทางถึง กรุงปรากบริเวณจัตุรัสเมืองเก่า (OLD TOWN SQUARE) อันเป็นชุมชนแรกๆ ของกรุงปราก ชมบ้านเรือนที่ยังไม่มีบ้านเลขที่ หากแต่ใช้สัญลักษณ์อื่นๆ มาเป็นตัวบอกบ้านเลขที่แทน ชมฉากหนึ่งในภาพยนตร์เรื่อง “MISSION IMPOSSIBLE” ซึ่งถ่ายทำกันในเขตเมืองเก่านี้ชมนาฬิกาดาราศาสตร์ที่สามารถบอกเวลา วัน เดือน ปี และจักรราศีได้อย่างครบถ้วน และมีตุ๊กตาพาเรดทุกๆชั่วโมง กระทั่งได้เวลาอันสมควร

เข้าชมปราสาทปราก (Prague Castle) ที่งดงามซึ่งส่วนหนึ่งได้กลายเป็นที่ทำงานของประธานาธิบดี ชมวิหาร ST.VITUS จุดกำเนิดของกรุงปรากที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ของชาวเชค ชม GOLDEN LANE ถนนค้าขายที่แปลกตาที่สุด กระทั่งได้เวลาอันสมควรอิสระให้ท่านช้อปปิ้งตามอัธยาศัย บริเวณจัตุรัสเวนเซสลาส (Wenceslas Square) เป็นถนนช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดในตัวเมือง เป็นสถานที่พักผ่อนสนุกสนานของผู้คน ในอดีตเคยเป็นลานบันทึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์การต่อสู้เพื่ออิสรภาพมาหลายครั้ง เป็นถนนที่กว้างใหญ่มีความยาว 750 เมตร และกว้าง 60 เมตร มีอายุกว่า 600 ปี ตั้งแต่รัชสมัยของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 4 ในส่วนบนสุดของถนนใหญ่สายนี้มีรูปปั้นที่สง่างามของเซนต์ เวนเชสลาสที่นั่งอยู่บนหลังม้า

เดินข้ามสะพานชาร์ล (Charles Bridge) สิ่งก่อสร้างถาวรที่สร้างในสมัยพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 4 เมื่อปี ค.ศ.1357 เพื่อแทนที่สะพานจูดิธ ซึ่งสร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 สะพานชาร์ลยังถือเป็นสะพานเก่าแก่ที่มีความสวยงามที่สุดในโลกราวสะพานประดับไปด้วยงานประติมากรรม อันวิจิตรงดงามในรูปแบบศิลปะแบบบารอค ในปัจจุบันสะพานชาร์ลส์เป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่ง สวยโดดเด่นไม่ว่าจะเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน

เมืองคาร์โลวีวารี (KARLOVY VARY) เมืองหนึ่งที่รอดพ้นจากการทำลาย โดยพวกนาซี ในสมัย สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่คาร์โลวี วารีมีบ่อน้ำพุร้อน ที่มีอุณหภูมิตั้งแต่ 34-73องศาเซลเซียส เชื่อกันว่าสามารถรักษาโรคได้หลายชนิด ในอดีตกล่าวว่าพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 4 (CHARLES IV) กษัตริย์แห่ง 3 อาณาจักรใหญ่ คือ เชค เยอรมนี และโรมัน ได้มาพบบ่อน้ำพุร้อนนี้เข้าโดยบังเอิญในราวกลางคริตศตวรรษที่ 14 เมื่อสุนัขล่าเนื้อของพระองค์ได้ตกลงไปในบ่อน้ำนี้ ต่อมาพระองค์จึงได้สร้างเมืองนี้ขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1348 จากนั้นในช่วงคริสศตวรรษที่ 19 คาร์โลวี วารี ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวนานา ชาติให้ความสนใจ และเดินทางมาพักผ่อนกันเป็นอย่างมากจวบจนกระทั่งทุกวันนี้ เดินทางถึง เมืองคาร์โลวีวารี นำท่าน ชมเมืองคาร์โลวี วารี  หรือ  คาร์ลสบาด ในภาษาเยอรมัน เมืองสปาที่โด่งดังที่สุดของสาธารณ รัฐเชค เป็นที่นิยมมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 16 ด้วยความเชื่อในการดื่มน้ำแร่รักษาตัว และบำรุงร่างกาย โดยเฉพาะโรคทางเดินอาหาร เมื่อคนในวงสังคมมารวม ตัวที่นี่กันมากคาร์โลวีวารีจึงกลายเป็นศูนย์กลางของการแสดง และดนตรีไปด้วย นักดนตรีฝีมือเยี่ยม และผู้สร้างละครหลายต่อหลายคนมาเปิดการแสดงที่นี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักดนตรีเอกของเชค คือ ดโวรัค (DVORAK) ได้เปิดการแสดงซิมโฟร์นีนิวเวิลด์เป็นครั้งแรกที่เมืองนี้ ชมย่านร้านค้า หอนาฬิกา โบสถ์ประจำเมือง และให้ท่านได้ทดลองดื่มน้ำแร่จากบ่อน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงในยุโรป

เมืองแบมแบร์ก (BAMBERG) อีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของรัฐบาวาเรีย เป็น1 ใน 16 รัฐ ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ และยังเป็นรัฐที่มีอาณาเขตใหญ่ที่สุดในประเทศเยอรมนี เมืองแบมเบิร์กยังถือว่าเป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศเยอรมนี เนื่องจากพื้นที่ ส่วนใหญ่ของเมืองนั้นถือว่าเป็นศูนย์รวมทางประวัติศาสตร์ ที่มีความโดดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรมและมรดกทางวัฒนธรรมที่ได้รับการเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี และได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO ในปี ค.ศ.1993 เดินทางถึง เมืองแบมเบิร์ก
จากนั้นนำท่าน ชมย่านเมืองเก่า จุดเด่นของเมืองนี้อยู่ที่ ศาลากลางหลังเก่า (Altes Rathaus)ซึ่งถูกสร้างขึ้นตรงกลางของสะพาน Enterebruckeที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ข้ามแม่น้ำเร็กนิทซ์ (Regnitz River) เพื่อเป็นจุดแบ่งเขตแดนระหว่างฝั่งชาวบ้านกับฝั่งวัด โดยอาคารถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1386 เป็นสัญลักษณ์ของเมืองแบมแบร์ก 

เมืองแฟรงค์เฟิร์ท (FRANKFURT) เมืองหลวงทางเศรษฐกิจของทวีปยุโรปแห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำไมน์และมีพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก แฟรงก์เฟิร์ท  ถือเป็นศูนย์กลางทางการเงินของทวีปยุโรป ธนาคารกลางยุโรปตั้งอยู่ในเมืองนี้และแฟรงก์เฟิร์ตยังจัดว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่มั่งคั่งที่สุดในเยอรมนี เนื่องจากแฟรงก์เฟิร์ตเป็นเพียงเมืองเดียวในประเทศที่มีหมู่ตึกระฟ้า นอกจากนี้เมืองนี้ยังเป็นที่รู้จักกันดี ในฐานะเมืองที่เต็มไปด้วยพิพิธภัณฑ์ระดับโลกและไวน์แอปเปิ้ลรสเลิศ และยังเป็นเมืองหลวงทางเศรษฐกิจของสหภาพยุโรป

บริเวณจัตุรัสรือเมอร์ (ROMERBERG) ย่านใจกลางเมืองเก่า อันเป็นที่ตั้งของศาลาว่าการเมือง (THE ROMER) ศิลปะแบบโกธิค ที่ได้รับการก่อสร้างขึ้นในปี1405 ตรงกันข้ามกับศาลาว่าการเมือง ท่านจะพบกับอาคารกึ่งไม้ซุงอันงดงามแบบฟาคแวร์กเฮ้าส์ ที่เรียกว่า “ออสไซเล่อ” (OSTZEILE) ที่ได้รับการก่อสร้างขึ้นมาใหม่ โดยสามารถรักษารายละเอียดของอาคารดั้งเดิมที่เคยถูกทำลายหมดสิ้นเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่สองได้ทุกรายละเอียด ถ่ายภาพความสวยงามของน้ำพุแห่งความยุติธรรม (GERECHTIGKEITSBRUNNEN) ที่ตั้งเด่นเป็นตระหง่านอยู่กลางลานอิสระให้ท่านช้อปปิ้งสินค้าหลากหลายบริเวณถนนสายช้อปปิ้งย่านถนนซายล์ (ZEIL) ถนนสายช้อปปิ้งที่ยาวที่สุดของประเทศเยอรมนีที่เต็มไปด้วยร้านจำหน่ายสินค้าแบรนด์เนมชื่อดังเรียงรายอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็น Louis Vuitton, Hugo Boss, Chanel, Giorgio Armani เป็นต้น อิสระให้ท่านช้อปปิ้งตามอัธยาศัย
หน้าแรก | จองโรงแรม | ตั๋วเครื่องบินในประเทศ | ตั๋วเครื่องบินต่างประเทศ | ทัวร์ไทย | ทัวร์ไฟไหม้ | เรือสำราญ | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อเรา | นโยบายความเป็นส่วนตัว
Copyright © 2003 eTravelWay.com All rights reserved โดย บริษัททัวร์ วีอาร์ เอนซี ทราเวล แอนด์ เทรด จำกัด
ใบอนุญาตนำเที่ยวในและต่างประเทศเลขที่ 11/11450
facebook
tel
TOP