เปิดทำการ จ - ศ : 08.30 - 22.00 น. ส - อา : 09.00 - 22.00 น.
eTravelWay.com logo
Add Friend Add Friend
ติดตามข่าวสารโปรโมชั่นดีดี

เพิ่มเพื่อน LINE รับข่าวสาร โปรโมชั่น
@etravelway

รับโปรโมชั่นดีดี
Add Friend
เฉพาะคอทัวร์โปรไฟไหม้
ทัวร์ถูกคุณภาพคุ้มค่า
ทัวร์หลุดจอง
เพิ่มเพื่อน LINE ทัวร์ไฟไหม้
@etravelway.fire

เฉพาะคอทัวร์โปรไฟไหม้
แชทผ่าน Facebook ติดต่อผ่าน Facebook
fb.me/etravelway

สอบถามทาง Facebook
ทัวร์อินเดีย
คลิก ดูโปรแกรมเต็ม
จองทาง LINE @etravelway Share

ทัวร์อินเดีย

 รหัส : Z11677
เดินทางโดย : FD-แอร์เอเชีย
โรงแรม : 3.5 ดาว |  จำนวนวัน : 7 วัน 5 คืน
อินเดีย รัฐคุชราต : Rani Ki Vav - สุเรนดานาคาร์ - Uperkot Fort-Mahabat Maqbara - Sasan Gir National Park - Diu Fort - Shatrunjaya Hill - ภวนาคาร์ - คานธีนาคาร์ - Sabarmati Ashram - AKSHADHAM - Hutheesing Jain

กรุงเทพฯ(สนามบินดอนเมือง) - สนามบินฉัตรปาตีศิวะจี - อเมดาบัด
อเมดาบัด - ปาทัน - Rani Ki Vav - โมเดรา - SUN TEMPLE - สุเรนดานาคาร์
สุเรนดานาคาร์ - จูนาคาร์ - Uperkot Fort-Mahabat Maqbara - Sasan Gir National Park
จูนาคาร์ - เมืองดีอู - Diu Fort-Church of Saint Paul
ดีอู - ปาลิตะนะ - Shatrunjaya Hill - ภวนาคาร์ - Takhteshwar
ภวนาคาร์ - คานธีนาคาร์ - Sabarmati Ashram - AKSHADHAM - อเมดาบัด - Hutheesing Jain - สนามบินฉัตรปาตีศิวะจี
กรุงเทพฯ(สนามบินดอนเมือง)
ไม่รวม ค่าทิป (รวม 1,500 บาท ต่อผู้เดินทาง 1 ท่าน) สำหรับไกด์ท้องถิ่น พนักงานขับรถ 1,200 บาท - ทิปหัวหน้าทัวร์ไทย 300 บาท - ค่าบริการลงข้อมูลในระบบ E-Visa India สำหรับหนังสือเดินทางไทย(เล่มแดง) ท่านละ 800 บาท)
คลิกดูโปรแกรมฉบับเต็ม (PDF)
เดินทาง :
รายการนี้ยังไม่มีพีเรียดเดินทาง
Download PDF

อินเดีย รัฐคุชราต 7 วัน 5 คืน

โดยสายการบิน ไทยแอร์เอเชีย

 

Filgh

Date

Origin

Destination

Departure

Arrival

เวลา

FD144

DAY 1 (05/12/67)

DMK(ดอนเมือง)

AMD(อเมดาบัด)

18.40

21.45

4.35 ชม.

FD145

DAY 6 (10/12/67)

AMD(อเมดาบัด)

DMK(ดอนเมือง)

22.15

03.55+1

4.10 ชม.

Date

Program

Hotel

B

L

D

DAY 1(พฤ 5/12/67)

สนามบินดอนเมือง-สนามบินฉัตรปาตีศิวะจี-อเมดาบัด

Carrefour

(Ahmedabad)

-

-

-

DAY 2(ศุกร์ 6/12/67)

อเมดาบัด-ปาทัน-Rani Ki Vav-โมเดรา-SUN TEMPLE-

สุเรนดานาคาร์

Lords Inn

(Surendranagar )

รร

รร

DAY 3(เสาร์ 7/12/67)

สุเรนดานาคาร์-จูนาคาร์-Uperkot Fort-Mahabat Maqbara-

Sasan Gir National Park

Anantam Hotel

(Jungardh )

รร

รร

DAY 4(อาทิตย์ 8/12/67)

จูนาคาร์-เมืองดีอู-Diu Fort-Church of Saint Paul

Rainbow Resort

(Diu)

รร

รร

DAY 5(จันทร์ 9/12/67)

ดีอู-ปาลิตะนะ-Shatrunjaya Hill-ภวนาคาร์-Takhteshwar

Lords Inn

(Bhavnagar)

รร

รร

DAY 6(อังคาร 10/12/67)

ภวนาคาร์-คานธีนาคาร์-Sabarmati Ashram-AKSHADHAM-

อเมดาบัด-Hutheesing Jain-สนามบินฉัตรปาตีศิวะจี

-

รร

-

DAY 7(พุธ 11/12/67)

สนามบินดอนเมือง

-

-

-

-

 

DAY 1(พฤหัส 5/12/67)

สนามบินดอนเมือง-สนามบินฉัตรปาตีศิวะจี(อเมดาบัด)-Hotel

-

-

-

15.40 น. พร้อมกันที่สนามบินดอนเมือง อาคาร1 ระหว่างประเทศ ขาออก ประตู 2 เคาน์เตอร์สายการบินไทยแอร์เอเชีย เจ้าหน้าที่ของบริษัท คอยให้การต้อนรับและ อำนวยความสะดวกด้านเช็คอิน

18.40 น. โดยสายการบินไทยแอร์เอเชีย เที่ยวบิน FD144 เหินฟ้าสู่ อเมดาบัด

21.45 น. เดินทางถึง (Sadarvallabhbhai Patel International Airport) ท่าอากาศยานนานาชาติ ฉัตรปาตีศิวะจี เมืองหลวงของรัฐคุชราต (เวลาที่อินเดียช้ากว่าบ้านเรา ประมาณ 1.30 ชั่วโมง) ผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองแล้วเดินทางสู่ โรงแรม

พัก (N1) Carrefour Hotel (Ahmedabad) หรือเทียบเท่า

DAY 2(ศุกร์ 6/12/67)

อเมดาบัด-ปาทัน-Rani Ki Vav-โมเดรา-SUN TEMPLE-สุเรนดานาคาร์-Hotel

B

L

D

เช้า รับประทานอาหารเช้า(1)ที่ โรงแรม แล้วออกเดินทางสู่ ปาทัน (ระยะทาง 130 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทาง 2.30 ชั่วโมง)

นำท่านชม Rani Ki Vav (ราณี คีวาฟ) หรือที่เรียกอีกชื่อว่าบ่อน้ำราชินี (The Queen’s Stepwell ) ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกของอินเดีย เป็นสระน้ำแบบขั้นบันได ตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำสุรัสวดีในรัฐคุชราต สร้างในช่วงปลายศตวรรษที่สิบเอ็ดโดยราชินีอุทัยมาตี เพื่อเป็นอนุสรณ์ถวายแด่กษัตริย์และพระสวามีผู้วายพระชนม์ของพระนางสระนี้มีขนาดความยาว 64 เมตร ความกว้าง 20 เมตร และลึก 27 เมตร ถูกค้นพบในช่วงทศวรรษที่ 1960 คาดว่าเดิมใช้เป็นที่กักเก็บน้ำจากตาน้ำใต้ดิน และถูกพัฒนามาเรื่อยๆ ตลอดระยะเวลากว่า 3,000 ปี จนกลายมาเป็นสถาปัตยกรรมแสนงดงามในที่สุด ภาพฝาผนังได้รับการแกะสลักอย่างวิจิตรเพื่อแสดงเรื่องราวต่างๆ เช่น ภาพอวตารเจ็ดปางของพระวิษณุ ภาพนางอัปสรต่างๆ และในบริเวณใกล้ก้นสระจะมีภาพสลักขนาดใหญ่ของพระตรีมูรติ อันได้แก่ พระพรหม พระศิวะ และพระวิษณุ เป็นต้น องค์การ UNESCO ประกาศให้ที่นี่เป็นมรดกโลก เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2014

12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน(2)ที่ ภัตตาคาร

บ่าย นำท่านเดินทางสู่ เมืองโมเดรา (Modhera) (ระยะทาง 33 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที) เมืองที่มีชื่อเสียงทางด้านผ้าทอมาแต่โบราณ ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นราชินีแห่งผ้าไหมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและรักรักษาลวดลายการออกแบบรวมไปถึงเทคนิคการทอแบบโบราณได้เป็นอย่างดี 

นำท่านชม SUN TEMPLE สร้างด้วยหินทรายสีชมพู เป็นสถาปัตยกรรมฮินดูที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งใน

รัฐคุชราต เทวสถานพระสุริยะแห่งนี้นับเป็นเทวสถานสำคัญแห่งแรกๆในพื้นที่เทือกเขาอาบู สร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 16 ในรูปแบบโสลังกิ ( Solanki Style ) ในสมัยของพระเจ้าภีมะที่ 1 บางท่านสันนิษบานว่าเทวสถานแห่งนี้อาจเนเทวสถานที่สร้างราวพุทธศตวรรษที่ 11-12 ที่มีนามว่าภควัทครามะ (Bhagavadgrama) ประกอบด้วยมณฑปทรงแปดเหลี่ยมและเทวลัยประธานหันหน้าไปทางทิศตะวันออก เพื่อให้แสงอาทิตย์ในเวลาเช้ามามารถทอแสงเข้าไปอาบเทวรูปให้ห้องครรภคะได้โดยตรง ทางทิศตะวันออกนี้มีกุณฑะ (อ่างเก็บน้ำ) ขนาดใหญ่ที่มีบันไดทอดยาวลงมาจากเทวสถาน มีซุ้มจระนำและเทวลัยขนาดเล็กจำนวนมากอยู่รอบอ่างเก็บน้ำนี้ ถัดมาจากกุณฑะทางทิศตะวันตกปรากฏมรโตรณะ (ซุ้มประตู) แกะสลักเป็นภาพการเกษียรสมุทร ( Amrtamanthana) อย่างงดงาม เพื่อเป็นทางเชื่อมเข้าสู่เทวสถาน อาคารเทวสถานแห่งนี้ ประกอบด้วย 3 ส่วนที่สำคัญคือสภามณฑป คูฒมณฑป และเทวลัยประธาน สภามณฑป หรือรังคมณฑป เป็นอาคารจัตุรมุขย่อมุมที่มีลักษณะเปิดโล่ง มีเพียงเสารุ้งและซุ้มวงโค้งแกะสลักอย่างงดงามมารองรับชั้นหลังคา ทรงโดม คูฒมณฑป และเทวลัยประธานนี้ตั้งอยู่กันบนฐานไพที ผนังภายนอกมีการแกะสลักอย่างวิจิตร โดยเฉพาะการประดับประติมากรรมรูปเทพในกลุ่มอาทิตยเทพทั้ง 12 องค์ แสดงรูปพระสุริยะประทับยืนสมภังค์บนฐานรูปม้า จนได้เวลาเดินทางสู่ เมืองสุเรนดานาคาร์ Surendranagar (ระยะทาง 125 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทาง 3 ชั่วโมง)

19.00 น. รับประทานอาหารค่ำ(3)ที่ ภัตตาคาร

พัก (N2) Lords Inn Hotel (Surendranagar ) หรือเทียบเท่า

DAY 3(เสาร์ 7/12/67)

สุเรนดานาคาร์-จูนาคาร์-Uperkot Fort-Mahabat Maqbara-

Sasan Gir National Park-Hotel

B

L

D

07.00 น. รับประทานอาหารเช้า(4)ที่ ห้องอาหารของโรงแรม

08.00 น. ออกเดินทางสู่ เมืองจูนาคาร์ Junagadh(ระยะทาง 207 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทาง 4 ชั่วโมง) เป็นเมืองเก่าสร้างขึ้นในศตวรรษที่4

12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน(5)ที่ ภัตตาคาร

บ่าย ชม Uperkot Fort ป้อมโบราณสร้างโดยพระเจ้าจันทรคุปต์สมัยราชวงศ์คุปตะ มีกำแพงสู่ 20 ม. ภายในมีกำแพงมีคูน้ำที่ขุดลึกลงไปใต้ดินผ่านชั้นหินต่างๆ ลึกถึง 90 ม. ต่อมาถูกยึดครองโดยมุสลิมซึ่งได้ย้ายศูนย์บัญชาการปกครองจกป้อมโบราณบนเนินเขาลงสู่ที่ราบ ชม Mahabat Maqbara สุสานของเจ้าผู้ครองเมืองจูนาคาร์ ซึ่งมีความงดงามเป็นอย่างยิ่ง นำท่านสู่ Girnar Hill เพื่อชม Edicts of Ashoka หลักฐานแสดงถึงการแผ่ขยายอาณาจักรของพระเจ้าอโศกมายังภาคตะวันตกของอินเดีย และเป็นหลักฐานการเผยแพร่พุทธศาสนามายังดินแดนแถบนี้เป็นจารึกที่สั่งสอนหลักธรรมทางพุทธศาสนา

แล้วออกเดินทางสู่ อุทยานแห่งชาติซาซันเกอร์ Sasan Gir National Park(ระยะทาง 52 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทาง 1 ชั่วโมง) ชมเขตอนุรักษ์สิงโตเอเชียซี่งเหลืออยู่ในอุทยานแห่งนี้ประมาณ 400 ตัว ในอุทยานยังมีสัตว์จำพวก กวางอีกหลายพันธุ์ เพราะมีแม่น้ำลำธารไหลผ่าน

19.00 น. รับประทานอาหารค่ำ(6)ที่ ภัตตาคาร

พัก (3) Anantam Hotel (Jungardh ) หรือเทียบเท่า

DAY 4(อาทิตย์ 8/12/67)

จูนาคาร์-ดีอู-Diu Fort-Church of Saint Paul -Hotel

B

L

D

07.00 น. รับประทานอาหารเช้า(7) ที่ ห้องอาหารของโรงแรม

08.00 น. ออกเดินทางสู่ เดินทางสู่ เมืองดีอู Diu (ระยะทาง 97 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทาง 2.30 ชั่วโมง)

ดีอูเป็นเกาะที่สวยงามตั้งอยู่ใกล้ชายฝั่งเขตกะทิยาวาทที่ท่าเรือเวราวาล Diu ได้รับความนิยมมากขึ้นในฐานะสถานที่ท่องเที่ยวเนื่องจากมีชายหาดที่เป็นธรรมชาติ ประวัติศาสตร์อันโดดเด่น สถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ อีกมากมาย เมืองเล็กๆบนเกาะ มีความสำคัญมากบนเส้นทางการค้าจากยุโรป อาหรับ สู่ตะวันออก รู้จักกันในนาม ยิบรอลตาแห่งตะวันออก เคยเป็นอาณานิคมที่เจริญรุ่งเรืองของโปรตุเกสในคริสต์ศตวรรษที่ 16 เป็นเอกราชเมื่อปี ค.ศ. 1961 ปัจจุปันเป็นเมืองที่บริหารโดยรัฐบาลกลางเรียกว่า เขต Union Territory

12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน(8)ที่ ภัตตาคาร

บ่าย นำท่านชม Diu Fort ป้อม Diu ซึ่งเป็นโครงสร้างที่กว้างขวางและสง่างามตั้งอยู่บนชายฝั่งสุดขั้วของเกาะทางด้านตะวันออก ป้อมมีทิวทัศน์อันงดงามของทะเลและพื้นที่โดยรอบ ล้อมรอบด้วยทะเลทั้งสามด้านและมีคลองล้อมรอบในด้านที่สี่ ป้อมที่น่าสะพรึงกลัวในการสู้รบครั้งใหญ่เป็นผลมาจากพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ระหว่าง Bahadur Shah สุลต่านแห่งคุชราต และโปรตุเกสที่ต่อสู้กับพวกโมกุล สร้างขึ้นในปี 1535 โดย D. Nuno da Cunha และสร้างขึ้นใหม่ในปี 1546 โดย D. Joao de Castro . ป้อมนี้แผ่กระจายไปทั่วพื้นที่ 5.6 เฮกตาร์ และมีความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 26.40 ม. อนุสาวรีย์ขนาดมหึมานี้เป็นที่อยู่อาศัยของขุนนาง โกดัง และค่ายทหารสำหรับทหาร คลังอาวุธและเครื่องกระสุนปืน เรือนจำ โบสถ์ และโบสถ์ ซึ่งน่าเสียดายที่อยู่ในสภาพซากปรักหักพัง ป้อมมีป้อมปราการหลายแห่ง ได้แก่ Bastion St. Domingos, Bastion St. Nicolau, Bastion St. Philip, Bastion Couraça, Bastion Cavaleiro, Bastion St. James, Bastion Chato (Flat), Bastion St. George, Bastion St. Tereza, บาสชันเซนต์ลูซี่ ที่เก่าแก่ที่สุดเชื่อกันว่าเป็นของนักบุญจอร์จ เมื่อเข้าไปในป้อม คุณจะตื่นตาตื่นใจกับความยิ่งใหญ่ของงานหินโบราณที่นำคุณไปสู่ยุคอดีตของทหารผู้กล้าหาญเมื่อเวลาหยุดนิ่ง เมื่อเดินไปบนกำแพงกว้างและรู้สึกถึงปืนใหญ่และกระสุนเหล็กที่น่าเกรงขามซึ่งยังคงกระจายอยู่ทั่ว 31 ฉันต้องการเจาะลึกประวัติศาสตร์และสร้างเรื่องราวที่น่าหลงใหลของการสู้รบและอาณาจักรขึ้นมาใหม่

นำท่านชม Church of Saint Paul สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1610 ผนังด้านหน้าเป็นศิลปะแบบโกธิค สร้างใหม่ในปี ค.ศ.1807 โบสถ์เซนต์ปอล เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางเรียกอีกอย่างว่าโบสถ์แห่งปฏิสนธินิรมล มีทั้งความสำคัญทางประวัติศาสตร์และศาสนา อาคารสถาปัตยกรรมกอทิกอันงดงามแห่งนี้สร้างขึ้นโดยชาวโปรตุเกส ศิลารากฐานของคริสตจักรถูกวางเมื่อวันที่ 7 เมษายน 1601 ในสมัยของผู้ว่าการ ดูอาร์เต เด เมโล และพระสงฆ์ประจำเขตคือ ศจ. มานูเอล เฟอร์นานเดส. แผนผังของอนุสาวรีย์อันน่าทึ่งนี้ได้รับการออกแบบโดยบาทหลวงนิกายเยซูอิต กัสปาร์ โซอาเรส. งานก่อสร้างแล้วเสร็จและอุทิศเพื่อใช้ในทางศาสนาในปี พ.ศ. 1610 โบสถ์แห่งนี้อุทิศให้กับแม่พระปฏิสนธินิรมล อาคารหลังใหญ่แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นวิทยาลัยนิกายเยซูอิต และเป็นที่รู้จักในชื่อผู้เปลี่ยนใจเลื่อมใสของนักบุญพอล กุฏิของโบสถ์ถูกใช้เป็นโรงเรียนสอนศาสนา กล่าวกันว่าเซมินาเรียนกำลังเตรียมพร้อมที่จะทำงานในศาลอัคบาร์ ดังนั้นภาษาอาหรับจึงถูกรวมไว้ในหลักสูตร เนื่องจากเป็นอาคารเก่าแก่ จึงมีเรื่องให้พูดถึงมากมาย ด้านหน้าอาคารดูวิจิตรบรรจงและดึงดูดความสนใจได้ทันที ผนังด้านในได้รับการปฏิบัติอย่างแปลกประหลาดด้วยลวดลายเปลือกหอยที่อาจผสานเข้ากับบริเวณโดยรอบและความอุดมสมบูรณ์ของเปลือกหอยบนชายฝั่ง Diu โดมหินโค้งสูงนั้นไม่น่าเชื่อและถอนหายใจด้วยความชื่นชม แต่สมบัติของโบสถ์คือแท่นบูชาสามแท่นรวมทั้งแท่นเทศน์ ทั้งหมดทำจากไม้สีดำทำงานด้วยความแม่นยำและงานฝีมือที่ยอดเยี่ยม

19.00 น. รับประทานอาหารค่ำ(9)ที่ ห้องอาหารของโรงแรม

พัก (N4) Rainbow Resort Hotel (Diu) หรือเทียบเท่า

DAY 5(จันทร์ 9/12/67)

 ดีอู-ปาลิตะนะ-Shatrunjaya Hill-ภวนาคาร์-Takhteshwar Temple -Hotel

B

L

D

07.00 น. รับประทานอาหารเช้า(10)ที่ ห้องอาหารของโรงแรม

08.00 น. ออกเดินทางสู่ เมืองปาลิตะนะ Palitana(ระยะทาง 169 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทาง 4.30 ชั่วโมง)

12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน(11)ที่ ภัตตาคาร

บ่าย นำท่านขึ้นสู่ ยอดเขาฉัตรรุณชัย Shatrunjaya Hill ซึ่งเป็นที่ตั้งของกลุ่มวัดเชนบนยอดเขาจำนวน 863 วัด

สร้างในคริสต์ศตวรรณที่ 16 หลังจากถูกพวกมุสลิมทำลานในคริสต์ศตวรรณที่ 14-15 เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งของศาสนาเชน สาเหตุที่ศาสนิกชนจาริกแสวงบุญมายังสถานที่แห่งนี้เพราะเชื่อกันว่า ศาสดาองค์แรกคือ อตินาถ Adinath เคยจาริกมาที่นี่และเชื่อว่า สาวกองค์สำคัญของท่านอตินาถคือพันดาริกา Pundarika บรรลุธรรมที่นี่ มีบันไดสำหรับเดินขึ้นสู่ยอดเขา 3,500 ขั้น ใช้เวลาในการเดินขึ้น 2 ชั่วโมง

*****สำหรับท่านที่ไม่อยากเดินขึ้น มีเสลี่ยงไว้บริการ ไป-กลับ ประมาณ 1,500 รูปี (ไม่รวมในค่าทัวร์)*****

นำท่านเดินทางสู่ เมืองภวนาคาร์ Bhavnagar(ระยะทาง 55 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทาง 1 ชม.)

นำท่านชม Takhteshwar Temple ตั้งอยู่บนเนินเขา มองเห็นอ่าวแคมเบย์ได้

19.00 น. รับประทานอาหารค่ำ(12)ที่ ห้องอาหารของโรงแรม

พัก(N5) Lords Inn Hotel (Bhavnagar) หรือเทียบเท่า

DAY 6(อังคาร 10/12/67)

ภวนาคาร์-คานธีนาคาร์-Sabarmati Ashram-AKSHADHAM TEMPLE

-อเมดาบัด-Hutheesing Jain Temple-สนามบินฉัตรปาตีศิวะจี (เอเมดาบัด)

B

L

-

07.00 น. รับประทานอาหารเช้า(13)ที่ ห้องอาหารของโรงแรม

08.00 น. แล้วเดินทางสู่ เมืองคานธีนาคาร์ GANDHINAGAR (ระยะทาง 195 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทาง 4 ชั่วโมง) เมืองหลวงใหม่ของของรัฐคุชราต ตั้งอยู่ริมแม่น้ำสพาร์ทตี เมืองนี้ตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติ์ให้แก่รัฐบุรุษผู้มีชื่อเสียงก้องโลกคือมหาตมะคานธี ระหว่างทางผ่านเมืองโบราณโลทาล Lothal ซากเมืองโบราณสมัยอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ อายุร่วม 4,500 ปี ร่วมสมัยกับเมืองโอเฮนโจดาโร(ปากีสถาน) ตั้งอยู่ ณ แม่น้ำ 2 สายมาบรรจบกัน คือ แม่น้ำสภามาติ และ แม่น้ำโภคาโว แล้วไหลลงสู่อ่าวแคมเบย์ จึงเป็นเมืองท่าที่รุ่งเรืองมากในการค้าขายกับอิยิปต์ เปอร์เซีย ละ เมโสโปเตเมีย

12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน(14)ที่ ภัตตาคาร

บ่าย นำท่าน ชมคานธีอาศรม / Sabarmati Ashram แหล่งพำนักของ “มหาตมะ คานธี” บุรุษผู้ยิ่งใหญ่แห่งอินเดีย ท่านถือเป็นบุคคลสำคัญของโลกเมื่อกว่าศตวรรษก่อน เป็นต้นแบบของการต่อสู้ด้วยหลักอหิงสา เป็นนักปราชญ์ นักกฎหมาย นักการเมือง นักต่อสู้ที่โลกต้องจารึกไว้ นั่นทำให้ในทุกวันนี้ เรื่องราวของเขายังคงถูกเล่าขาน และถ่ายทอดเป็นที่รับรู้ในประเทศอินเดีย สถานที่หลายแห่งก็กลายเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวด้านประวัติศาสตร์ให้ตามรอยมหาบุรุษ โดยรัฐคุชราต ถือเป็นบ้านเกิดของมหาตมะ คานธี โดยบ้านเกิดจริงๆ นั้นอยู่ที่เมืองปอร์บันดาร์ (Porbandar) เมืองชายทะเลในรัฐคุชราต อย่างไรก็ตามในเมืองอัห์มดาบาด (หรือ อาห์เมดาบัด - Ahmedabad) ก็มีบ้านที่มหาตมะ คานธี อยู่อาศัยในช่วงเวลาหนึ่ง ชื่อว่า “Sabarmati Ashram หรือ Gandhi Ashram” (คานธีอาศรม) ซึ่งที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำซาบามาติ “Sabarmati Ashram” เป็นที่อยู่อาศัยของมหาตมะ คานธี และครอบครัว หลังย้ายกลับมาจากแอฟริกาใต้ คานธีได้สร้างที่อยู่อาศัยขึ้นในปี ค.ศ.1915 จนกระทั่งอีก 2 ปีต่อมา ก็ได้ย้ายอาศรมมายังริมฝั่งแม่น้ำซาบามาติ เนื่องจากต้องการพื้นที่ในการทำกิจกรรมอื่นๆ มากขึ้น โดยในระหว่างที่อาศัยอยู่ที่นี่ ก็มีการตั้งโรงเรียนสอนหนังสือ ทำการเกษตร สอนการทอผ้า และยังเป็นพื้นที่รวมตัวของกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อเสรีภาพของชาวอินเดีย

ชม AKSHADHAM TEMPLE ของลัทธิสวามีนารายันเป็นศาสนสถานที่ใหญ่โตที่สุดในรัฐ คุชราต สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1992 โดยใช้หินทรายสีชมพู แกะสลักอย่างงดงาม \'อัคชาร์ดัม\' แปลว่าที่ประทับอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าอย่างแท้จริง เป็นสถานที่นิรันดร์สำหรับผู้มาถวายความจงรักภักดีและสัมผัสความสงบสุขอันเป็นนิรันดร์ Swaminarayan Akshardham ที่ Gandhinagar เป็นโบสถ์ฮินดู ซึ่งเป็นสถานที่สักการะของชาวฮินดู เป็นที่ประทับของพระเจ้า และเป็นวิทยาเขตทางจิตวิญญาณและวัฒนธรรมที่อุทิศให้กับการอุทิศตน การศึกษา และการรวมเป็นหนึ่งเดียว ข้อความที่ให้ข้อคิดทางวิญญาณเหนือกาลเวลาและประเพณีฮินดูอันมีชีวิตชีวาสะท้อนอยู่ในงานศิลปะและสถาปัตยกรรม มันดีร์เป็นการแสดงความเคารพต่อ Bhagwan Swaminarayan (1781-1830) และอวตาร เทวดา และปราชญ์ของศาสนาฮินดู อาคารสไตล์ดั้งเดิมแห่งนี้เปิดตัวเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2535 โดยได้รับพรจาก HH Pramukh Swami Maharaj และผ่านการทุ่มเทความพยายามของช่างฝีมือ และ อาสาสมัครที่มีทักษะ

แต่ละองค์ประกอบของ Akshardham สะท้อนถึงจิตวิญญาณ ไม่ว่าจะเป็นคฤหาสน์ นิทรรศการ และแม้แต่สวน Akshardham Mandir มีรูปปั้น (รูปเคารพ) มากกว่าสองร้อยรูป ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้แข็งแกร่งทางจิตวิญญาณจากหลายพันปี หลักฐานทางจิตวิญญาณของ Akshardham คือแต่ละดวงอาจเป็นพระเจ้าได้ ไม่ว่าเราจะรับใช้ครอบครัว เพื่อนบ้าน ประเทศ หรือผู้คนทั่วโลก ความเมตตาแต่ละอย่างสามารถช่วยเราก้าวไปสู่ความเป็นพระเจ้าได้ คำอธิษฐานแต่ละครั้งเป็นความพยายามในการพัฒนาตนเองและเข้าใกล้พระเจ้าอีกก้าวหนึ่ง

จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่ เมืองอเมดาบัด (ระยะทาง 26 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทาง 45 นาที) 

นำท่านเดินทางผ่าน เมืองอาห์เมนดาบัด เมืองใหญ่ที่สุดตั้งอยู่ริมแม่น้ำสพาร์มตี อดีตเป็นเมืองหลวงของรัฐคุชราต ก่อตั้งเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1411โดยพระเจ้าอาหมัดที่ 1 แห่งคุชราต ในปี ค.ศ. 1915 ผ่านชมอาคารบ้านเรือนร้านค้า ที่ยังคงอนุรักษ์สถาปัตยกรรมแบบเก่าได้เป็นอย่างดี

นำท่านชม Hutheesing Jain Temple วัดเชนที่มีความสวยงาม ภายในประกอบไปด้วยห้องที่มีพระประจำศาสนาถึง 52 ห้อง ภายนอกมีเสาวิหารที่สวยงามตั้งเด่นสง่า

17.30 น. แล้วเดินทางสู่ สนามบินSadarvallabhbhai Patel International Airport) ท่าอากาศยานนานาชาติ

ฉัตรปาตีศิวะจี เมืองเอเมดาบัด เมืองหลวงของรัฐคุชราต (รับประทานอาหารค่ำอิสระ ภายในสนามบิน)

20.15 น. โดยสายการบิน ไทยแอร์เอเชีย เที่ยวบิน FD145 เหินฟ้าสู่ สนามบินดอนเมือง

DAY 7(พุธ 11/12/67)

 สนามบินดอนเมือง

-

-

-

03.55 น. เดินทางถึง สนามบินดอนเมือง โดยสวัสดิภาพ...........

หน้าแรก | จองโรงแรม | ตั๋วเครื่องบินในประเทศ | ตั๋วเครื่องบินต่างประเทศ | ทัวร์ไทย | ทัวร์ไฟไหม้ | เรือสำราญ | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อเรา | นโยบายความเป็นส่วนตัว
Copyright © 2003 eTravelWay.com All rights reserved โดย บริษัททัวร์ วีอาร์ เอนซี ทราเวล แอนด์ เทรด จำกัด
ใบอนุญาตนำเที่ยวในและต่างประเทศเลขที่ 11/11450
facebook
tel
TOP