เปิดทำการ จ - ศ : 08.30 - 22.00 น. ส - อา : 09.00 - 22.00 น.
eTravelWay.com logo
Add Friend Add Friend
ติดตามข่าวสารโปรโมชั่นดีดี

เพิ่มเพื่อน LINE รับข่าวสาร โปรโมชั่น
@etravelway

รับโปรโมชั่นดีดี
Add Friend
เฉพาะคอทัวร์โปรไฟไหม้
ทัวร์ถูกคุณภาพคุ้มค่า
ทัวร์หลุดจอง
เพิ่มเพื่อน LINE ทัวร์ไฟไหม้
@etravelway.fire

เฉพาะคอทัวร์โปรไฟไหม้
แชทผ่าน Facebook ติดต่อผ่าน Facebook
fb.me/etravelway

สอบถามทาง Facebook
ทัวร์อเมริกาใต้
คลิก ดูโปรแกรมเต็ม
จองทาง LINE @etravelway Share
เดินทางโดย : EK-เอมิเรตส์แอร์ไลน์
โรงแรม : 4 ดาว & 5 ดาว |  จำนวนวัน : 13 วัน 9 คืน
อเมริกาใต้ บราซิล - อาร์เจนติน่า - เปรู : นั่งกระเช้าไฟฟ้า ชมวิวยอดเขาซูการ์โลฟ - ขึ้นรถรางไฟฟ้าสู่ ยอดเขาคอร์โควาโด - รูปปั้นพระเยซู - อุทยานแห่งชาติอิกัวซู ฝั่งบราซิล - ล่องเรือชมน้ำตก - นั่งเรือเจ็ทมาคูคู - นั่งรถจิ๊ปชมป่า - Devil’s Throat Trail - อุทยานแห่งชาติอิกัวซู - เที่ยวชมเมืองคุซโก้ - กำแพงหิน 12 Side Stone - นั่งรถไฟขบวนพิเศษ Vista domeเข้าชมมาชู ปิคชู (1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ล่าสุดของโลก) - ดินเนอร์ พร้อมชมโชว์แทงโก้ - ล่องเรือชมคลอง (เดลต้า) - อุทยานป่าเลอโมด
บินภายใน 5 เที่ยวบิน / เมนูพิเศษ กุ้งมังกรซีฟู๊ด, สเต็กพรีเมียม เสิร์ฟพร้อมไวน์เลิศรส

กรุงเทพฯ(สนามบินสุวรรณภูมิ)
แวะเปลี่ยนเครื่องดูไบ - บินข้ามเส้นแบ่งเขตสากล - สนามบินริโอเดจาเนโร อินเตอร์เนชั่นเนล (บราซิล) - ย่านลาปา - The Metropolitan Cathedral of Saint Sebastian
ริโอ เดอ จาเนโร - เที่ยวชมเมือง - นั่งกระเช้าไฟฟ้า ชมวิวยอดเขาซูการ์โลฟ - ขึ้นรถรางไฟฟ้าสู่ ยอดเขาคอร์โควาโด - รูปปั้นพระเยซู - หาดโคปาคาบาน่า
ริโอ เดอ จาเนโร - สนามฟุตบอลมาราคานา - สนามบินริโอเดจาเนโร อินเตอร์เนชั่นเนล (บราซิล) - บินภายใน - อุทยานแห่งชาติอิกัวซู ฝั่งบราซิล (พักโรงแรม 5 ดาว 2 คืน)
อุทยานแห่งชาติอิกัวซู - ล่องเรือชมน้ำตก - นั่งเรือเจ็ทมาคูคู - นั่งรถจิ๊ปชมป่า - Devil’s Throat Trail - พักโรงแรม 5 ดาว
อุทยานแห่งชาติอิกัวซู - สนามบิน ฟอส ดู อิกัวซู - แวะเปลี่ยนเครื่องบัวโนส ไอเรส - บินภายในสู่ ลิม่า (เปรู) - พักโรงแรม
ลิมา - สนามบินเมืองคุซโก้ - เที่ยวชมเมืองคุซโก้ - กำแพงหิน 12 Side Stone - Sacsayhuaman - ซาเครด วาเลย์
ป้อมปราการโอยันไทตำโบ - นั่งรถไฟขบวนพิเศษ Vista domeเข้าชมมาชู ปิคชู (1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ล่าสุดของโลก) - เมืองคุซโก้
คุซโก้ - บินภายในสู่ ลิม่า, เปรู - เที่ยวชมเมือง - พีระมิด Huaca Hualiamarca - เข้าที่พัก
สนามบินลิม่า - บินภายในสู่ สนามบินบูโนสไอเรส - ดินเนอร์ พร้อมชมโชว์แทงโก้
บัวโนสไอเรส - ล่องเรือชมคลอง (เดลต้า) ย่านชานกรุงบัวโนสไอเรส - ชมเมืองบัวโนสไอเรส - หมู่บ้านแทงโก - อุทยานป่าเลอโมด - ถนนอเวนิด้า เนิฟ เดอ ฮูลิโอ้ - เดินทางกลับ
เดินทางผ่านเส้นแบ่งเขตเวลาสากล
แวะเปลี่ยนเครื่องดูไบ - กรุงเทพฯ(สนามบินสุวรรณภูมิ)
ไม่รวม ค่าทิปหัวหน้าทัวร์ ท่านละ 100 บาท ต่อวัน รวม 1,300 บาท - ค่าทิปพนักงานยกกระเป๋าโรงแรมที่พัก - ค่าผกผันของภาษีน้ำมันที่ทางสายการบินเปลี่ยนแปลงกะทันหันแจ้ง - ค่าอาหารบางมื้อนอกเหนือจากที่ระบุ รวมถึงอาหารพิเศษนอกเหนือจากที่ทัวร์จัด เช่น อาหารเจ อาหารมังสวิรัติ และอาหารอิสลาม มุสลิมฯ
คลิกดูโปรแกรมฉบับเต็ม (PDF)
เดินทาง :
24 ธ.ค. 67
-
05 ม.ค. 68
฿
349,900
Download PDF

อเมริกาใต้ บราซิล อาร์เจนติน่า เปรู 13 วัน 9 คืน

โดยสายการบิน เอมิเรตส์แอร์ไลน์ส / บินภายใน 5 เที่ยวบิน

กำหนดการเดินทาง วันที่ 06-18 ก.ย.67 // 11-23 ต.ค.67 // 22 พ.ย.-04 ธ.ค.67 // 24ธ.ค.67-05 ม.ค.67

(ประเทศในกลุ่มอเมริกาใต้ ได้ยกเว้นวีซ่าการเข้าประเทศ สำหรับคนไทย)

ที่พักระดับ 4-5 ดาว อาหารพิเศษกุ้งมังกร, สเต๊กเนื้อ, บาร์บีคิว(บราซิล)

รายการเดินทางโดยย่อ

พักโรงแรม 9 คืน

วันที่ 1

สนามบินสุวรรณภูมิ - แวะเปลี่ยนเครื่องดูไบ - บินข้ามเส้นแบ่งเขตสากล - ริโอ เดอ จาเนโร(บราซิล)

เครื่องบิน

วันที่ 2

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ - ดูไบ - ริโอ เดอ จาเนโร

ริโอ

วันที่ 3

ริโอ เดอ จาเนโร - สนามฟุตบอล มาราคานา - เที่ยวชมเมือง

แซมโบโดรม - ยอดเขาซูการ์โลฟ - เที่ยวชมชายหาดที่มีชื่อเสียง

ริโอ

วันที่ 4

ริโอ เดอ จาเดโร - นั่งรถรางไฟฟ้าขึ้นยอดเขาคอร์โควาโด - รูปปั้นพระเยซู (1ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่) บินภายในสู่อิกัวซู(1)

พักโรงแรม 5 ดาว

น้ำตกอิกัวซู

วันที่ 5

อุทยานแห่งชาติอิกัวซู - ล่องเรือชมน้ำตก - นั่งเรือเจ็ทมาคูคู

นั่ งรถจิ๊ปชมป่า Devil’s Throat Trail-เขื่อนอิไตปู

พักโรงแรม 5 ดาว

น้ำตกอิกัวซู

วันที่ 6

อุทยานแห่งชาติอิกัวซู - สนามบินอิกัวซู - บินสู่ลิมา(2)

ลิมา

วันที่ 7

ลิมา - บินสู่คุชโก(3) - เที่ยวชมเมืองมืองเก่าคุชโค - ซาเครด วาเลย์

คุชโก

วันที่ 8

คุซโก - นั่งรถไฟเข้าชมมาชู ปิคชู(สิ่งมหัศจรรย์ล่าสุดของโลก)

คุชโก

วันที่ 9

คุชโค - บินสู่ลิม่า(4) - ชมเมืองโบราณ - เที่ยวชมเมือง

ลิมา

วันที่ 10

ลิม่า - บินสู่บัวโนสไอเรส(5) - ชมเมือง - ดินเนอร์พร้อมชมโชว์เต้นแทงโก้

บัวโนสไอเรส

วันที่ 10

บัวโนส ไอเรส - ล่องเรือชมคลอง - ชมเมือง - สนามบิน

สนามบิน

วันที่ 12

สนามบินดูไบ (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์)

เครื่องบิน

วันที่ 13

สนามบินดูไบ-สนามบินสุวรรณภูมิ

เครื่องบิน

วันแรกของการเดินทาง(1) สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ

23.30 น. สมาชิกทุกท่านพร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศชั้น 4 ประตู 8 (เคาน์เตอร์U ) เจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยอำนวยความสะดวกเรื่องสัมภาระและบัตรโดยสาร

วันที่สองของการเดินทาง(2) สนามบินสุวรรณภูมิ - ดูไบ - ริโอ เดอ จาเนโร(บราซิล)

02.50 น. ออกเดินทางสู่ ดูไบ โดยสายการบินเอมิเรตส์แอร์ไลน์ส เที่ยวบินที่ EK377 (เดินทาง 06.20 ชม.)

06.00 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาดูไบ (แวะเปลี่ยนเครื่อง)

08.05 น. ออกเดินทางสู่ ริโอเดจาเนโร (บราซิล)โดยสายการบินเอมิเรตส์ แอร์ไลน์ส เที่ยวบินที่ EK247 (เดินทาง 14.20 ชม.)

15.55 น. เดินทางถึง สนามบินริโอเดจาเนโร อินเตอร์เนชั่นเนล ประเทศบราซิล

นำท่านผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร บราซิลเวลาช้ากว่าประเทศไทย (เวลาบราซิลช้ากว่าประเทศไทย 09.00 ชม.)

กรุงริโอเดอจาเนโร (Rio De Janero)อดีตเมืองหลวงของประเทศบราซิล ซึ่งรับการขนานนามว่า “เมืองแห่งพระเจ้า” หลังจากที่ประกาศอิสรภาพจากการเป็นเมืองขึ้นของโปรตุเกศ ริโอได้เป็นเมืองหลวงของบราซิลจนถึงปี ค.ศ.1960 ก่อนที่จะย้ายเมืองหลวงไปที่เมืองบราซิลเลียแทนหลังผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ย่าน “ลาปา” (LAPA) เป็นย่านศูนย์กลางของเมือง และเป็นหนึ่งในย่านที่เก่าแก่ที่สุดใน เมืองอีกด้วย ซึ่งจะรวบรวมสถาปัตยกรรมต่างๆไว้มากมาย เช่น Arcos da LAPA ซึ่งเป็นสะพานส่งน้ำแบบโรมันมีความยาว 270 เมตร สร้างในสมัยที่บราซิลเป็นประเทศอาณานิคม

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ The Metropolitan Cathedral of Saint Sebastian วิหารรูปทรงกรวย และมีเส้นผ่านศูนย์กลางภายใน 96 เมตร (315 ฟุต) เส้นผ่านศูนย์กลางภายนอก 106 เมตร และความสูงโดยรวม 75 เมตร (246 ฟุต) ภายในมีพื้นที่ 8,000 ตารางเมตรและเพียงพอ 5,000 ที่นั่ง (มีห้องยืนจุคนได้ 20,000 คน)ซี่งมีลักษณะสร้างเรียนแบบพีระมิด ของชาวมายา มีความงดงามอย่างยิ่ง

ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร / นำเข้าโรงแรมที่พัก (อาหารค่ำแบบบุฟเฟ่ต์)

พักที่: NOVOTEL RIO DE JANEIRO / หรือระดับเดียวกัน

วันที่สามของการเดินทาง (3) ริโอ เดอ จาเนโร - ยอดเขาคอร์โควาโด - รูปปั้นพระเยซู

ชมชายหาดที่มีชื่อสียง - ยอดเขาซูกาโลฟ

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก

บ่าย นำท่าน “นั่งกระเช้าไฟฟ้า ขึ้นสู่ยอดเขา ชูการ์โลฟ SUGAR LOAF (Teleférico ) สามารถจุคนได้ 65 คน วิ่งไปตามเส้นทาง 1,400 ม. (4,600 ฟุต) ระหว่างยอดเขาชูการ์โลฟและมอร์โรดาอูร์กา ยอดเขาแห่งนี้เป็นจุดชมวิวที่มีชื่อเสียงและสวยงามยิ่ง สามารถมองเห็นชายหาด โคปาคาบานาที่ขึ้นชื่อว่าสวยงามแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งชายหาดโคปาคาบานานี้มีชายหาดยาวถึง 4 กิโลเมตร ยอดเขาแห่งนี้มีความสูง 1,400 เมตร ซึ่งสูงตระหง่านอยู่ที่ปลายแหลมสุดของอ่าว กัวนาบารา และตั้งโดดเด่นคู่กับภูเขาคอร์โควาโด ชมทิวทัศน์อันสวยงามของเมืองริโอ เดอจาเนโรได้อย่างเต็มที่

เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

ช่วงเช้า ได้เวลาพอสมควรนำท่านนั่ง “รถรางไฟฟ้า” ขึ้นสู่ “ยอดเขาคอร์โควาโด CORCOVADO” ซึ่งแปลว่า “คนหลังค่อม” ในภาษาโปรตุเกส ยอดเขาหินแกรนิตสูง 704 เมตรนี้เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาคาริโอกา ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติ Tijuca Forest ซึ่งเป็นป่าฝนในเขตแดนของเมือง ทุกปีมีผู้คนมากกว่า 2 ล้านคนมาเยี่ยมชมสถานที่สำคัญที่มีชื่อเสียงแห่งนี้ Corcovado มีความสูง 710 เมตร จากระดับน้ำทะเล อันเป็นที่ตั้งของรูปปั้นนี้รูปปั้นของพระเยซูCHRIST OF REDEEMER ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และได้รับการโหวตให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่รูปพระเยซู (Christ the Redeemer) สร้างโดยวิศวกร Heitor da Silva Casta ใช้เวลาสร้างเกือบ 5 ปี เด่นตระหง่านด้วยความสูง 38 เมตร วัดความกว้างของปลายแขนทั้งสองข้างได้ 28 เมตร มีน้ำหนักถึง 1.145 ตัน เป็นจุดชมวิวที่มองเห็นเมืองชายหาดที่สวยที่สุด นั่งท่องเที่ยวสามารถขึ้นรถรางไปบนยอดเขาเพื่อชมรูปปั้นอันเป็นที่เคารถสักการะของชาวบราซิล และคริสต์ศาสนิกชนทั่วโลกได้อย่างใกล้ชิด

(ทั้งนี้การขึ้นสู่ยอดเขาขึ้นกับสภาพอากาศ)

จากนั้นทุกท่านตามอัธยาศัย ณ บริเวณชายหาดที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในโลก “หาด โคปาคาบาน่า” ที่มีความยาวที่ 4 กิโลเมตร

ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร เมนูพิเศษ กุ้งล็อบสเตอร์

 พักที่: NOVOTEL RIO DE JANEIRO / หรือระดับเดียวกัน

วันที่สี่ของการเดินทาง(4) ริโอ เดอ จาเนโร – สนามฟุตบอลมาราคานา -

สนามบิน - อุทยานแห่งชาติอิกัวซู ฝั่งบราซิล(พักโรงแรม 5 ดาว 2 คืน)

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ “สนามฟุตบอลมาราคานา” (Maracana Stadium) ซึ่งเคยเป็นสนามฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดในโลก สร้างเสร็จตอนแรกสามารถจุผู้ชมได้มากถึง 180,000 คน ต่อมามีการปรับปรุงสนามใหม่เหลือที่นั่งอย่างเดียว ได้ 73,916 คน และถ้ารวมยืนชมด้วย จะสามารถจุคนได้ถึง 103,022 คน สนามแห่งนี้ยังเคยใช้เป็นสถานที่แข่งขันฟุตบอลโลกรอบชิงชนะเลิศในปี ค.ศ.1950 นัดชิงระหว่างบราซิล-อุรุวัย และสนามนี้ยังใช้เปิดการแข่งขันฟุตบอลโลก2014 รวมถึงใช้จัดพิธีเปิดและปิดกีฬาโอลิมปิก 2016 อีกด้วย สนามแห่งนี้จึงขึ้นชื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอันดับ 3 ของเมือง และยังเป็นสถานที่ที่ชาวเมืองภาคภูมิใจมาก

 เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (อาหารจีน)

.........น. นำท่านเดินทางสู่สนามบิน

…… น. ออกเดินทางสู่อุทยานแห่งชาติอิกัวซูโดยสายการบิน …….. เที่ยวบินที่ ……….. (เดินทาง 02.10 ชม.)

…… น. เดินทางถึง อุทยานแห่งชาติอิกัวซู นำท่านเดินทางสู่ที่พัก

ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร แบบบุฟเฟต์ ณ ห้องอาหารในโรงแรมที่พัก

พักที่: Das Cataratas A Belmond Hotel / Gran Meliá Iguazú Falls (พักโรงแรม 5 ดาว)

วันที่ห้าของการเดินทาง(5) อุทยานแห่งชาติอิกัวซู - ล่องเรือชมน้ำตก - นั่งเรือเจ็ทมาคูคู

นั่งรถจิ๊ปชมป่า - Devil’s Throat Trail - พักโรงแรม 5 ดาว

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก

นำท่านเดินทางสู่ “อุทยานแห่งชาติอิกัวซุ” (IGUAZU NATIONAL PARK) เพื่อนำท่านชมน้ำตกอิกัวซุ (IGUAZU FALLS) หรือที่เรียกกันว่า น้ำตกแบ่งประเทศ 3 ประเทศ ได้แก่ อาร์เจนติน่า บราซิล และปารากวัย ที่ได้รับการประกาศให้เป็น มรดกทางธรรมชาติของโลกอีกแห่งหนึ่งจากองค์การยูเนสโกในปีค.ศ. 1984 อีกทั้งยังเป็นหนึ่งใน

“สิ่งมหัศจรรย์โลกยุคใหม่ The New7 Wonders of Nature”

นำท่านชมความงดงามที่ประกอบด้วยน้ำตก 275 แห่ง ที่มีความสูงระหว่าง 60-82 เมตร แต่ละน้ำตก มีชื่อของมันโดยเฉพาะ ที่สำคัญน้ำตกแห่งนี้มีความกว้างราว 2 ไมล์ครึ่ง นับเป็นน้ำตกที่ถือว่า กว้างที่สุดในโลก น้ำตกทั้ง 275 แห่งส่วนใหญ่อยู่ในอาร์เจนตินา ราว 90% และไม่ได้มีน้ำติดต่อกันเป็นผืนเดียว บางตอนเป็นซอกหิน บางตอนเป็นหน้าผา น้ำตกบางแห่งไหลเอื่อยๆ ในแม่น้ำมีเกาะแก่งน้ำค่อนข้างเชี่ยวกระทบกับโขดหิน ทำให้ละอองน้ำกระจายเป็นวงกว้าง สุดปลายทางอีกด้านหนึ่งเป็นน้ำตกรูปเกือกม้า ที่เป็นจุดสิ้นสุดของน้ำตก เพราะขาข้างหนึ่งของเกือกม้าอยู่ฝั่งบราซิล อีกข้างหนึ่งอยู่ฝั่งอาร์เจนตินา ทำให้แผ่นดินของ 2 ประเทศเชื่อมต่อกัน จากนั้นอิสระให้ท่านเดินเล่นพักผ่อนอิริยาบถ ชมน้ำตกอิกัวฝั่งบราซิล หรือถ่ายภาพความสวยงามตามอัธยาศัย

จากนั้นนำท่าน “นั่งเรือเจ็ทล่องเรือชมความสวยงามของน้ำตกอิกัวซุ (ฝั่งบราซิล)” ซึ่งกล่าวไว้ว่า ช่วงที่สวยที่สุดของน้ำตกแห่งนี้อยู่ระหว่างเดือนพฤศจิกายน - มีนาคม เพราะมีน้ำมาก และน้ำตกไหลแรง ซึ่งถือเป็นภาพที่น่าประทับใจยิ่งนัก โดยเฉพาะน้ำตกที่มีชื่อว่า GARGANTA DO DIABLO ถือได้ว่าเป็นน้ำตกที่สวยที่สุด มีปริมาณน้ำมากที่สุด และไหลแรงที่สุดในจำนวนน้ำตก 275 แห่ง และในช่วงหน้าร้อนท่านอาจจะมีปรากฏการณ์รุ้งกินน้ำให้ชมอีกด้วย นอกจากนี้ที่นี่ยังผลิตกระแสไฟฟ้าได้อย่างมหาศาลจากพลังน้ำของน้ำตกแห่งนี้เช่นกัน

เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

นำท่าน ชมน้ำตกฝั่งอาร์เจนตินา ซึ่งมีพื้นที่ใหญ่กว่าฝั่งบราซิลมาก เพราะน้ำตกหลักๆ จะอยู่ฝั่งนี้ถึง 90% และสามารถเดินเที่ยวลัดเลาะริมน้ำตกชมวิวได้ทั้งจากด้านบนและด้านล่าง นำท่าน ชมวิวสู่ Devil’s Throat อย่างใกล้ชิด ซึ่งเป็นจุดสำคัญของน้ำตกแห่งนี้ อิสระให้ท่านชมความสวยงามของฝั่งอาร์เจนตินา และถ่ายภาพความสวยงามตามอัธยาศัย น้ำตกอีกวาซู เป็นคำมาจากภาษากวารานี ชาวอินเดียนแดงเผ่าดั้งเดิม น้ำตก อีกวาซูตั้งอยู่บริเวณรอยต่อพรมแดนระหว่างประเทศบราซิลกับประเทศอาร์เจนตินา เป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ และเป็นหนึ่งในน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยใหญ่กว่าน้ำตกไนแอการาประมาณ 30 เท่า และขนาดของน้ำตกใกล้เคียงกับน้ำตกวิกตอเรียในทวีปแอฟริกา จนกระทั่งได้เวลาอันสมควรนำท่าน “นั่งรถจิ๊ปตะลุยป่าดงดิบ” บริเวณน้ำตก ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์มากๆ ท่านจะได้ชมไม้ป่านานาชนิดที่หายาก และเพลิดเพลินกับธรรมชาติของป่าไม้ที่งดงามยิ่ง ชื่นชมกับความงดงามของน้ำตกแห่งนี้อย่างใกล้ชิด พร้อมความสนุกสนาน ตื่นเต้นที่ท่านจะได้รับจากการล่องเรือเล่นคลื่นของน้ำตกแห่งนี้ ท่านจะได้ชมน้ำตกอีกวาซูฝั่งประเทศบราซิลซึ่งมีความสวยงามที่สุด

*** ทั้งนี้ทางบริษัทจะจัดเตรียมเสื้อกันฝนให้กับทุกท่าน “แต่ไม่สามารถกันความรุนแรงของกระแสน้ำตกได้อย่างแน่นอน ฉะนั้นทุกท่านต้องเตรียมชุดที่สามารถเปียกได้เลย รวมถึงรองเท้าแตะจากโรงแรม ***

ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

พักที่: Das Cataratas A Belmond Hotel / Gran Meliá Iguazú Falls (พักโรงแรม 5 ดาว)

วันที่หกของการเดินทาง(6) อุทยานแห่งชาติอิกัวซู - สนามบิน - ลิม่า(เปรู)

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก

จากนั้นอิสระให้ท่านเดินเล่นพักผ่อนอิริยาบถ ชมน้ำตกอิกัวสุ หรือถ่ายภาพความสวยงามของธรรมชาติตามอัธยาศัย

เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

นำท่านเดินทางสู่สนามบิน ฟอส ดู อิกัวซู

……. น. นำท่านเดินทางสู่ บัวโนส ไอเรส โดยสายการบิน ………. เที่ยวบินที่ ……….

……. น. ถึงสนามบิน บัวโนสไอเรส (แวะเปลี่ยนเครื่อง) เดินทาง 01.55 ชม

……. น. นำท่านเดินทางสู่ บัวโนส ไอเรส โดยสายการบิน ……………เที่ยวบินที่ ………..

……. น. เดินทางถึงสนามบิน ลิม่า (ใช้เวลาเดินทาง 04.45 ชม.) นำท่านเดินทางสู่ที่พัก อิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย

(หากมีไฟล์บินตรงสู่กรุงลิม่า หรือ เมืองคุชโค กลับมาบินอีกทางบริษัทจะปรับรายการทัวร์ให้ตามไฟล์ดังกล่าว

ในปัจจุบันยังคงต้องบินไปต่อเครื่องที่บัวโนส ไอเรส)

ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหาร ณ โรงแรมที่พัก

พักที่: Costa del Sol Wyndham Lima Airport Hotel / Holiday Inn Hotel / หรือที่พักระดับใกล้เคียง

วันที่เจ็ดของการเดินทาง(7) ลิมา - คุซโก้ - เที่ยวชมเมือง - Sacsayhuaman - ซาเครด วาเลย์

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก

……. น. ออกเดินทางสู่ เมืองคุซโก้ (Cuzco) เที่ยวบินที่ ………….. (เดินทาง 01.20 ชม.)

……. น. (เวลาท้องถิ่น) เดินทางถึง สนามบินเมืองคุซโก้ เมืองหลวงสำคัญแห่งอาณาจักรอินคา

เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

นำท่านชมย่านเมืองเก่าของ “เมืองคุซโก้”เมืองที่ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นเมืองมรดกโลกในปี 1983

นำท่านชมกำแพงหิน หรือที่รู้จักในนาม 12 Side Stone ที่สร้างโอบล้อมเมืองเก่าคุซโก้ กำแพงนี้สร้างจากภูมิปัญญาของชาวอินคาโบราณ โดยการนำหินก้อนใหญ่มาเรียงกันสร้างเป็นกำแพงขนาดใหญ่ นับได้ว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของเมืองเก่าคุซโก้ นครคุซโก้ ซึ่งตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเลถึง 3,400 เมตร และเป็นแหล่งอารยธรรมยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่ลึกลับน่าทึ่งเป็นชุมชนเก่าแก่ของจักรวรรดิอินคาอันรุ่งเรืองทิ้งร่องรอยแห่งความเจริญไว้เป็นซากปรักหักพังโบราณสถานและโบราณวัตถุต่างๆ เมืองคุซโก้เป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิอินคาตามตำนานของอินคา เมืองคุซโก้ ถูกสร้างโดยปาชากูตี ผู้ซึ่งทำลายเมืองเก่าและสร้างคุซโก้ใหม่ให้เป็นศูนย์กลางแห่งอาณาจักรอินคาที่ยิ่งใหญ่ แต่จากหลักฐานทางโบราณคดีบ่งชี้ว่าเมืองนี้ได้ค่อยๆ พัฒนาขึ้นตั้งแต่สมัยก่อนปาชากูตีแล้วเมืองถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนคือคุซโก้ตอนบน Hanan และคุซโก้ตอนล่าง Urin ซึ่งถูกแบ่งย่อยต่อไปอีกเป็น 4 เขต Suyu ได้แก่ ชินไชย์ซูยู (เขตตะวันตกเฉียงเหนือ) อันตีซูยู (เขตตะวันออกเฉียงเหนือ) กุนตีซูยู (เขตตะวันตกเฉียงใต้) และกูยาซูยู (เขตตะวันออกเฉียงใต้) ถนนจากทั้งสี่ส่วนนี้เชื่อมต่อไปถึงสี่ภาคของอาณาจักร

นำท่านเข้าชมกลุ่ม “ป้อมปราการที่ยิ่งใหญ่” (Sacsayhuaman) สถานที่ป้องกันข้าศึกศัตรู อายุกว่า 500 ปี โดยการนำหินขนาดใหญ่มาต่อเรียงกัน เสมือนภาพจิกซอ ซึ่งรอยต่อแนบสนิทแม้กระดาษบางๆ ยังไม่สามารถผ่านได้ หินก้อนที่ใหญ่ที่สุดมี ความสูง 8.5 เมตร และน้ำหนักถึง 300 ตัน มีเวลาให้ท่านเก็บภาพความประทับใจอย่างเต็มที่

นำท่านเดินทางสู่ “ซาเครด วาเลย์” (Sacred Valley) (57 กม. เดินทาง 1.20 ชม.) หุบเขาศักดิ์สิทธิ์ เป็นพื้นที่ในที่ราบสูงแอนเดียน ของเปรู ร่วมกับเมืองคุซโก้และเมืองโบราณมาชูปิกชูที่อยู่ใกล้เคียง นับเป็นหัวใจของอาณาจักรอินคา มีพื้นที่ประมาณ 60 กิโลเมตรเป็นพื้นที่เพาะปลูกอันอุดมสมบูรณ์และหมู่บ้านอาณานิคมของสเปนเช่น Pisac และ Ollanta Tambo Pisac เป็นที่รู้จักจากตลาดหัตถกรรมในวันอาทิตย์และป้อมปราการของชาวอินคาบนยอดเขา

ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร / หลังอาหารนำท่านเดินทาวเข้าสู่ที่พัก อิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย

พักที่: Casa Andina Premium Sacred Valley Hotel / หรือที่พักระดับใกล้เคียง

วันที่แปดของการเดินทาง(8) ป้อมปราการโอยันไทตำโบ - นั่งรถไฟขบวนพิเศษ Vista domeเข้าชมมาชู ปิคชู (1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ล่าสุดของโลก) - คุซโก้

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก

ได้เวลา นำท่านชม “ป้อมปราการโอยันไทตำโบ” (Ollanta Tambo) ป้อมปราการที่โดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งของวัฒนธรรมอินคา ค้นพบประวัติศาสตร์ที่ซ่อนซากปรักหักพังของป้อมปราการศิลโอยันไทตำโบ เป็นที่ดินแดนของจักรพรรดิปาชาคุติ (Emperor Pachacuti) แห่งจักรวรรดิอินคา สมัยศตวรรษที่ 15 ที่ตั้งตระหง่านอยู่เหนือเมืองเล็กๆ ที่มีชื่อเดียวกันเป็นสถานที่เกิดการสู้รบที่มีชื่อเสียง และมันเป็นการต่อสู้เพียงครั้งเดียวที่อินคาชนะกองทัพสเปนที่รุกรานได้สำเร็จ ป้อมปราการโอยันไทตำโบ ยังได้ชื่อว่าเป็นประตูสู่ มาชูปิกชู Machu Picchu ชาวพื้นเมืองเรียก “โอยันไท

ตำโบ” ว่า “Ollanta Tambo” ที่นี่เป็นทั้งวัดและป้อมปราการที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุดในเปรู ซากปรักหักพังของป้อมปราการแห่งนี้ยังคงรักษาความลึกลับมาหลายศตวรรษเมื่อสเปนมาถึงในเทือกเขาแอนดีสในช่วงต้นยุค 1530 ซึ่งเป็นช่วงที่สเปนพิชิตเปรู Manco Inca Yupanqui ผู้นำการต่อต้านชาวอินคาใช้ที่นี่เป็นป้อมปราการ ต่อต้านกองทัพสเปน และสามารถขับไล่กองทัพสเปนได้ในปี ค.ศ.1536 อย่างไรก็ตามกองทัพสเปนก็ยังนำกองทัพเขามายึดเมืองและมีชัยชนะเหนือชาวอินคาได้สำเร็จในปีเดียวกัน

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ นำท่านนั่งรถไฟทางขึ้นสู่ “เมืองมาชูปิคชู” ซึ่งมีความสูง 2,350 เมตร การนั่งรถไฟท่านจะได้รับประสบการณ์การเดินทางที่ไม่เหมือนใคร บรรยากาศสุดพิเศษที่ ล้อมรอบคุณด้วยภูมิทัศน์ที่น่าอัศจรรย์ด้วยหน้าต่างแบบพาโนรามาและObservatory Car การเดินทางที่น่าจดจำและเพลิดเพลินกับวัฒนธรรมที่แท้จริงของผู้คนผ่านการแสดงดนตรี และการนำเสนอการเต้นรำแบบ Saqra ตลอดเส้นทางท่านผู้โดยสารจะสามารถเคลื่อนที่ไปมาระหว่างรถในห้องโดยสาร แบบพาโนรามา ขณะรถวิ่ง ชมวิวที่สวยงามเพลิดเพลินกับประสบการณ์ที่ได้รับ เพลิดเพลินกับของว่างแสนอร่อยระหว่างการเดินทางไปหรือกลับจากความมหัศจรรย์ของมาชูปิกชู ในขณะที่ท่องเที่ยวชมทิวทัศน์ที่สวยงามตลอดเส้นทาง นอกจากนี้ ผู้โดยสารยังสามารถเพลิดเพลินกับชาสมุนไพรร้อนหรือน้ำดื่มบนรถไฟของเรา เดินทางถึงสถานีรถไฟหมู่บ้านมาชูปิกชู (Machu Picchu Pueblo) จากนั้นนำท่านนั่งรถบัสสู่ประตูทางเข้าเมืองโบราณ

เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (อาหารบุฟเฟ่ต์)

นำท่านเข้าชมมาชูปิกชู (เมืองที่สาบสูญ The Lost City) องค์การยูเนสโก้ได้กำหนดให้มาชู ปิกชู เป็นมรดกโลกเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2007 อีกทั้งยังได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่อีกด้วย โดยรถไฟไต่ขึ้นเทืองเขาแอนดิสอันยิ่งใหญ่ ระหว่างทางท่านจะได้ชมความงาม และความลึกลับของบรรยากาศโดยรอบที่เข้ากับสถานที่ ข้างเป็นแม่น้ำอูรูบับบา (Urubamba) ไหลแรงคดเคี้ยวขนานไปกับทางรถไฟสู่ปลายทางมาชู ปิกชู (Machu Picchu) นครที่หายสาบสูญไปของอาณาจักรอินคา บนยอดเขาสูงที่ถูกหมอกปกคลุมอยู่เสมอ จนถึงปี 1911 นครแห่งนี้จึงปรากฏสู่สายตาชาวโลกในลักษณะบ้านเมือง บ้านเรือน พระราชวัง วิหาร ซึ่งยังคงสภาพเดิมทีดีราวกับได้รับการอนุรักษ์ดูแลไว้

อย่างน่าอัศจรรย์ นครโบราณแห่งนี้ถูกค้นพบโดยฮิรัมบิงแฮม ซึ่งตั้งใจจะหาเมืองโบราณสองเมืองที่ปรากฏชื่ออยู่ในเอกสารโบราณ แต่กลับมาพบเมืองที่ไม่ปรากฏอยู่ในเอกสารใดทั้งสิ้น จึงได้ตั้งชื่อเมืองตามชื่อภูเขาอันเป็นที่ตั้ง Machu Picchu ซึ่งมีความหมายว่า Old Mountain และยังมียอดเขา Huayna Picchu หรือ New Mountain ขนาบเข้าตัว โบราณสถานมาชู ปิคชู ซ่อนอยู่บนยอดเขาสูง เฉียดฟ้า และ ที่แห่งนี้คือเมืองที่ไม่กี่ร้อยปีมานี้ยังมีผู้คนอาศัยก่อนจะถูกทิ้งร้างไปเมื่อสเปนเข้ามาปกครองในสมัยศตวรรษที่ 15


ได้เวลาพอสมควรนำท่านเดินทางโดยรถไฟกลับสู่ สถานีรถไฟ Ollanta Tambo ...หลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองคุซโก้ โดยรถ (เดินทางประมาณ 1.30 ชม.)

ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร / หลังอาหารนำท่านเดินท่านเข้าสู่ที่พัก อิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย

พักที่: Novotel Hotel Cuzco / Costa Del Soi Ramada / หรือที่พักระดับใกล้เคียง

วันที่เก้าของการเดินทาง(9) คุซโก้ - ลิม่า - เที่ยวชมเมือง

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก

......... น. ออกเดินทางสู่กรุงลิม่า โดยเที่ยวบินที่...............

......... น. (เวลาท้องถิ่น) เดินทางถึง กรุงลิม่า (Lima)

ประเทศเปรู ลิมา เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเปรู รวมทั้งของจังหวัดลิมา และยังเป็นศูนย์กลางการขนส่ง การเงิน อุตสาหกรรม และวัฒนธรรมของประเทศอีกด้วย ตั้งอยู่บริเวณที่ห้อมล้อมด้วยหุบเขาชิยอน แม่น้ำริมัก และแม่น้ำลูรินริมชายฝั่งแห้งแล้งซึ่งอยู่ติดกับอ่าวในมหาสมุทรแปซิฟิกซึ่งมีท่าเรือที่สร้างขึ้นและตั้งชื่อว่ากายาโอ

เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

นำท่านชม “Huaca Hualiamarca” ซึ่งเป็นพีระมิดดินขนาดใหญ่ ตั้งตระหง่านให้นักท่องเที่ยวเก็บภาพ และความประทับใจ Huaca Huallamarca เดิมเรียกว่า Pan De Azúcar เป็นสิ่งก่อสร้างยุคก่อนสเปนในรูปทรงของปิรามิดขั้นบันไดที่ถูกตัดทอน ซึ่งประกอบด้วยสามชั้นโดยมีความสูงประมาณ 19 เมตร ตั้งอยู่ในย่านที่อยู่อาศัยของเขต San Isidro ในกรุงลิมา ประเทศเปรู และปัจจุบันเป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งที่ หลงเหลืออยู่ในพื้นที่นั้นเป็นการก่อสร้างที่ดำเนินการในสมัยก่อนโคลัมเบียตั้งแต่ 200 ปีก่อนคริสตกาล เป็นหนึ่งในการตั้งถิ่นฐานหลักของประเพณีวัฒนธรรมปินาโซของชายฝั่งเปรูตอนกลาง ในสมัยแรกเริ่มเป็นวัดที่มีจุดประสงค์ด้านพิธีการและการบริหารสำหรับ การชุมนุมของประชากรกลุ่มน้อยจนถึงปี ค.ศ.300 เมื่อการยึดครองกลายเป็นสุสาน โดยมีการฝังศพที่สอดคล้องกับวัฒนธรรมลิมา ฮัวรา (ไตรรงค์-เรขาคณิต) ซิกัน ชินชา และอิชสมานำท่านชมย่านชานเมืองย่านมิราฟลอเร (Miraflores) จัดเป็นละแวกที่มั่งคั่งที่สุดแห่งหนึ่งของลิมาพรั่งพร้อมด้วยทิวทัศน์ของมหาสมุทรแปซิฟิกแบบพาโนรามาที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว และผู้คนในพื้นที่ให้มาเยือนอย่างไม่ขาดสาย ด้วยสวนสวยงาม พลาซ่าที่มองเห็นมหาสมุทร รวมถึงร้านค้าและร้านอาหารชั้นเยี่ยมต่างๆ มากมาย แม้ว่าละแวกนี้จะตั้งอยู่นอกใจกลางเมือง แต่ก็เป็นบริเวณที่สะอาดปลอดภัยมาก มี สถานีตำรวจที่ตั้งขึ้นสำหรับดูแลนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะด้วย

ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร / หลังอาหารนำท่านเดินท่านเข้าสู่ที่พัก อิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย

พักที่: Holiday Inn Mirafiores / หรือที่พักระดับใกล้เคียง

วันที่สิบของการเดินทาง(10) ลิม่า - สนามบิน - บัวโนส ไอเรส - ดินเนอร์พร้อมชมโชว์แทงโก้

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก / นำท่านออกเดินทางสู่ สนามบินลิม่า

09.35 น. ออกเดินทางสู่ สนามบินบูโนสไอเรสโดย สายการบิน.....

เที่ยง (คืนเงินค่าอาหารกลางวัน 20 USD)

16.35 น. เดินทางถึง สนามบิน บูโนสไอเรส (เดินทาง 04.35ชม.)

ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคาร พร้อมมโชว์สุดพิเศษ “เต้นแทงโก้ ในสไตล์ชาวอาร์เจนติน่า” ในท่วงท่าและดนตรีสุดแสนเร้าใจ ที่จะทำให้ท่านเพลิดเพลินไปกับโชว์ในค่ำคืนนี้

พักที่ : Hotel Grand Brizo / หรือที่พักระดับใกล้เคียง

วันที่สิบเอ็ดของการเดินทาง(11) บัวโนสไอเรส - ล่องเรือชมคลอง(เดลต้า) - ชมเมือง - สนามบิน

*****อาหารเมนูพิเศษ สเต็ก พรีเมี่ยม*****

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรมที่พัก

นำท่านชม กรุงบัวโนสไอเรส (Buenos Aires) นครหลวงของประเทศอาร์เจนติน่า เมืองใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ และมีความหมายว่า “อากาศดีลมที่ดี” เป็นเมืองหลวง เมืองใหญ่ที่สุด และเมืองท่า ริมชายฝั่งทางใต้ของแม่น้ำรีโอเดลาปลาตา (Rio De La Plata) บนชายฝั่ง

ตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปอเมริกาใต้ ตรงข้ามกับเมืองโกโลเนียเดลซากราเมนโตประเทศอุรุกวัยเนื่องจากได้รับวัฒนธรรมยุโรปมาอย่างเข้มข้น บางครั้งบัวโนสไอเรสจึงถูกเรียกว่า “ปารีสใต้” หรือ “ปารีสแห่งอเมริกาใต้” เมืองนี้เป็นเมืองสมัยใหม่ที่สุดแห่งหนึ่งในลาตินอเมริกา โดยมีชื่อเสียงด้านสถาปัตยกรรม ชีวิตกลางคืน และกิจกรรมทางวัฒนธรรม หลังจากความขัดแย้งภายใน ในคริสต์ ศตวรรษที่ 19 บัวโนสไอเรสได้ถูกยกฐานะให้มีลักษณะเป็นเขตสหพันธ์และแยกออกจากจังหวัดบัวโนสไอเรส อาณาเขตของเมืองขยายครอบคลุมบริเวณเมืองเก่า เบลกราโน (Belgrano) และ โฟลเรส (Flores) ซึ่งปัจจุบันทั้งสองเป็นย่านรอบ ๆ ของเมืองบางครั้งชาวอาร์เจนตินาเรียกเมืองนี้ว่า

“กาปีตัลเฟเดรัล” (Capital Federal) เพื่อแยกความแตกต่างระหว่างชื่อเมืองนี้กับจังหวัดบัวโนสไอเรสที่มีชื่อเดียวกัน เมืองนี้ถูกประกาศเป็น นครปกครองตนเอง ดังนั้น ชื่อทางการของของเมืองนี้คือ นครปกครองตนเองบัวโนสไอเรส Ciudad Autónoma De Buenos Aires

นำท่านออกเดินทางสู่ชานเมืองเพื่อเดินทางสู่ท่าเรือ

นำท่านล่องเรือชมความงามของแม่น้ำลำคลองย่านชานกรุงบัวโนสไอเรส ซึ่งเป็นชนบทที่สวยงามยิ่งเปรียบเสมือนนครเวนิสในอิตาลีทีเดียว

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร เมนูพิเศษ! สเต็ก ระดับพรีเมี่ยม

นำท่านชม “หมู่บ้านแทงโก” ซึ่งถือว่าเป็นสีสัน ที่แปลกตายิ่งเพราะหมู่บ้านชาวแทงโกนิยมสร้างบ้านเป็นสีสดใสและฉูดฉาดเหมาะแก่การบันทึกภาพ ชมย่านโบกา ดิสทริค อันเป็นย่านท่าเรือเก่าและเป็นถิ่นที่อยู่ของชาวอิตาเลียน ชมมหาวิหารใหญ่ โรเซอแรตต้าที่ฝังศพของนายพลโฮเช่ เดอชานมาร์ดิน ผู้กอบกู้อิสรภาพแห่งอาร์เจนติน่า เดินทางถึงกรุงบัวโนสไอเรส นำท่านชมทหารยามที่แต่งกายในเครื่องแบบเกรอนนาดิเยร์ อย่างสง่างามหน้าวิหารสู่ อุทยานป่าเลอโมด สวนเก่าแก่ที่สุดของเมืองเป็นสวนดอกไม้ที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ตกแต่งด้วยไม้พุ่มไม้ดอกละลานตา ภายในยังมีสระน้ำใสสงบ สนามเทนนิส ศูนย์กีฬา ภัตตาคาร สนามม้าแข่ง สนามฝึกขี่ม้า ลานอเนกประสงค์ สำหรับจัดมหกรรมต่าง ๆ กว้างขวางใหญ่โต นำท่านชมความงามของย่านชานเมืองบัวโรสไอเรส โดยเฉพาะบ้านเรือนคหบดี คฤหาสน์ ได้เวลาสมควรนำท่านออกเดินทางสู่สนามบินประธานาธิบดีโนโอลิโวส์ บริเวณเมมเบอร์คลับของผู้มีเงิน

นำสู่ ถนนอเวนิด้า เนิฟ เดอ ฮูลิโอ้ กว้างถึง 460 ฟุต นับเป็นถนนสายที่กว้างที่สุด แห่งหนึ่งของโลก มีร้านกาแฟริมบาทวิถีที่ขึ้นชื่อ เสมือนเดินอยู่ริมถนนชองเอลิเซ่ ในกรุงปารีส อิสระทุกท่าน

ช้อปปิ้งในย่านใจกลางเมืองที่ เรียกว่า “ซองโตร” ย่านพลาซ่า เดอ มาโย บริเวณที่ตั้งทำเนียบรัฐบาลตึกรัฐสภา บ้านสีกุหลาบ “คาซา” “โรชาดา” โรงอุปรากร “เดอาโตร โกลอน” เป็นที่แสดงบัลเล่ต์และวงซิมโฟนี่ เป็นที่ที่นักแสดงทุกคนใฝ่ฝันที่จะก้าวขึ้นเวทีแห่งนี้

ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร / นำคณะเดินทางสู่สนามบิน

22.30 ออกเดินทางสู่นครดูไบ โดยเที่ยวบินที่ EK248

วันที่สิบสองของการเดินทาง(12) สนามบินดูไบ(สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์)

***** เดินทางผ่านเส้นแบ่งเขตเวลาสากล *****

วันที่สิบสามของการเดินทาง(13) ดูไบ - กรุงเทพฯ

00.30 น เดินทางถึง สนามบินดูไบ (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) เพื่อแวะพักเปลี่ยนเครื่อง (เดินทาง 14.30 ชม.)

02.50 น. ออกเดินทางสู่ กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย โดยสายการบินเอมิเรตน์ เที่ยวบินที่ EK384 (เดินทาง 06.40 ชม.)

12.30 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ

หมายเหตุ...โปรแกรมการเดินทางอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม เนื่องจากสภาพ ลม ,ฟ้า , อากาศ,การล่าช้าอันเนื่องมาจากสายการบิน และสถานการณ์ในต่างประเทศที่ทางคณะเดินทางในขณะนั้น เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง โดย ได้มอบหมายให้ หัวหน้าทัวร์ผู้นำทัวร์ มีอำนาจตัดสินใจ ณ ขณะนั้นทั้งนี้การตัดสินใจ จะคำนึงถึงผลประโยชน์ของหมู่คณะเป็นสำคัญ

หน้าแรก | จองโรงแรม | ตั๋วเครื่องบินในประเทศ | ตั๋วเครื่องบินต่างประเทศ | ทัวร์ไทย | ทัวร์ไฟไหม้ | เรือสำราญ | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อเรา | นโยบายความเป็นส่วนตัว
Copyright © 2003 eTravelWay.com All rights reserved โดย บริษัททัวร์ วีอาร์ เอนซี ทราเวล แอนด์ เทรด จำกัด
ใบอนุญาตนำเที่ยวในและต่างประเทศเลขที่ 11/11450
facebook
tel
TOP