เที่ยว 2 ประเทศ Seoul + Osaka 6 วัน 5 คืน

โซล โอซาก้า เกียวโต อิสระ 1 วัน

โดยสายการบิน Korean Air และ Peach Air (บิน 3 เที่ยว)

วันแรก สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ – สนามบินอินชอน เกาหลี

หัวหน้าทัวร์ และเจ้าหน้าที่คอยให้การต้อนรับอานวยความสะดวก

กรณีผู้โดยสารไม่ได้มาเช็กอิน และไม่ได้ทำการยกเลิกการจองก่อนเวลาปิดเคาน์เตอร์เช็กอิน

หรือไม่ได้มาขึ้นเครื่องหลังจากเช็กอินเรียบร้อยแล้ว สายการบินอาจเรียกเก็บค่าธรรมเนียมกับผู้โดยสาร

ขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงเที่ยวบิน และตารางการบินของสายการบินตามที่ได้อนุมัติ

น้ำหนักกระเป๋าใต้ท้องเครื่อง 23 กิโลกรัม ถือขึ้นเครื่อง 10 กิโลกรัม

(มีบริการอาหารร้อน เครื่องดื่มบนเครื่อง และบริการเอนเตอร์เทนเมนต์ฟรี)

ออกเดินทางสู่ประเทศเกาหลีใต้ โดยเส้นทางบินระหว่างประเทศไทย และเกาหลี (เวลาที่เกาหลีใต้เร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง)

17.35 น. ถึงท่าอากาศยานนานาชาติอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (เวลาท้องถิ่นที่เกาหลีใต้ เร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง กรุณาปรับเวลาของท่านเพื่อความสะดวกในการนัดหมาย) หลังผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง และตรวจรับสัมภาระเรียบร้อยแล้ว อันยอง ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ ประเทศสาธารณรัฐเกาหลีใต้

\"สกายแทร็กซ์\" จัดอันดับสนามบินที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2552 \"เกาหลีใต้\" สนามบินอินชอน คว้าที่ 1

อาหารเย็น (1)

ฟินสุดกับเมนูเลื่องชื่อและรู้จักกันดีทั่วโลก ชุดหมูย่าง บุฟเฟ่ต์ (หมูย่างเกาหลี)

มีรสชาติออกหวาน นุ่มและกลมกล่อม เอกลักษณ์เกาหลีแท้คือการทานหมูย่าง ห่อคู่กับผักกาดเขียวแบบเมี่ยงคำไทย

โดยใส่น้ำจิ้มเต้าเจี้ยว (เครื่องจิ้มหมัก ที่ช่วยชูรสอย่างดี) และเครื่องเคียงที่ชอบ

นำท่านเช็คอิน โรงแรม New Seoul Hotel Myeongdong /Hotel Thomas Myeongdong /

Baiton Seoul Dongdaemun 3* หรือเทียบเท่า

(ผู้จัดทัวร์จะแจ้งให้ทราบก่อนเดินทาง 5-7 วัน)

วันที่สองศูนย์เครื่องสำอาง – ศูนย์น้ำมันสนแดง – พระราชวังเคียงบกกุง – ยอดเขานัมซานโซลทาวเวอร์ –

อิสระช้อปปิ้งฮงแด

เช้า รับประทานอาหารเช้า ที่ ห้องอาหารโรงแรม (2)

จากนั้นนำท่านช้อปปิ้ง “เครื่องสำอางปลอดภาษี”COSMETIC SHOP เครื่องสำอางขึ้นชื่อของเกาหลี อาทิ โบท็อกหน้าเด็ก หน้ากาก LED ช่วยพื้นฟูสภาพผิว, SNAIL CREAM (ครีมหอยทาก) , ครีมบำรุงต่างๆ , CC ครีม ซึ่งราคาถูกกว่าที่เมืองไทยเกือบเท่าตัว และบางผลิตภัณฑ์ยังไม่มีขายในไทย

นำชมและเข้าใจ RED PINE ผลิตภัณฑ์ที่สกัดจากน้ำมันสนเข็มแดง มีสรรพคุณช่วยล้างพิษระบบเลือดให้สะอาด เพิ่มภูมิต้านทานร่างกายให้แข็งแรง และช่วยรักษาสมดุลในร่างกาย

อาหารกลางวัน (3)

ฟินสุดกับเมนูเลื่องชื่อ กัมจาทัง ซุปกระดูกหมู รสเผ็ด ใส่มันฝรั่ง เสิร์ฟพร้อมข้าวสวย และเครื่องเคียง

พาทุกท่านไป พระราชวังเคียงบกกุง (Gyeongbokgung Palace) หรือเรียกอีกแบบหนึ่งว่า “พระราชวังคยองบกกุง” เป็นทั้งสัญญลักษณ์และแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตของกรุงโซล พระราชวังที่มีขนาดใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในกรุงโซล สร้างขึ้นในปี 1394 ในสมัยพระเจ้าแทโจ ราชวงศ์โชซอน เดิมทีนั้นภายในระราชวังมีอาคารและตำหนักต่างๆมากกว่า 200 หลัง แต่เมื่อมีการรุกรานของญี่ปุ่น อาคารส่วนใหญ่ก็ได้ถูกทำลายลงเหลืออยู่เพียงแค่ 10 หลังเท่านั้น คำว่า “เคียงบกกุง” หมายถึง พระราชวังแห่งพรที่มีแสงสว่าง ภายในบริเวณของพระราชวังแห่งนี้มีสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจดังนี้คือ “พระที่นั่งคึนจองวอง (Geunjeongjeon)”และ “ศาลาเคียงฮวยรู (Hyangwonjeong)” ซึ่งตั้งอยู่ภายในบริเวณสระน้ำ มีทัศนียภาพที่สวยงามมาก รวมไปถึงหอศิลป์ต่างๆและทำเนียบชองวาแด เมื่อเดินไปรอบๆจะพบส่วนหย่อมที่ให้ความรู้สึกร่มรื่น นอกจากนี้ภายในพระราชวังยังมีพิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติ (National Palace Museum of Korea) ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของประตูฮึงรแยมุน (Heungnyemun Gate) กับพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านแห่งชาติ (National Folk Museum) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกในพื้นที่พระราชวังเคียงบกกุง (Hyangwonjeong) อีกด้วย นั่งรถผ่านถนนสายสำคัญเช่นถนนใจกลางเมือง “เซจองโนะ” และถนนที่มีการเปิดปิดเป็นเวลา-สถานที่ตั้งทำเนียบและบลูเฮาท์หรือบ้านประจำตำแหน่งประธานาธิบดี

ชมวิวมุมกว้างแบบพาโนราม่าบน ยอดเขานัมซานโซลทาวเวอร์ จุดเด่นอันสวยงามของกรุงโซลที่มองเห็นได้จากที่ไกลๆ สำหรับบรรดาคู่รักกับกิจกรรมคล้องใจไว้ที่กุญแจ Love Key Ceremony เป็นจุดที่ให้คู่รักมาเขียนข้อความและชื่อของคู่ตัวเองลงบนแม่กุญแจหลากสีกิมมิคน่ารักๆ ที่ทำให้หอคอยแห่งนี้กลายเป็นสถานที่เดทสุดฮิตอีกแห่งหนึ่งในเกาหลี (ไม่รวมค่าขึ้นลิฟท์ และกิจกรรมคล้องกุญแจ)

อิสระตะลุยช้อปปิ้งที่ ฮงแด แหล่งรวมวัยรุ่น รวมสินค้าแฟชั่น ย่านมหาวิทยาลัยฮงอิก ราคานักศึกษา ถนนเส้นนี้เต็มไปด้วยร้านค้า เสื้อผ้าแฟชั่น รองเท้า กระเป๋า และแบรนด์ดังๆ อีกมากมาย รวมทั้งยังมีสตรีทฟู้ด คาเฟ่ และร้านอาหารท้องถิ่น ไฮไลท์ในช่วงวันเสาร์ อาทิตย์ วัยรุ่นเกาหลี จะจัดการแสดง ร้องเพลง ให้เพลิดเพลินกันอีกด้วย สาวก POP Mart ไม่ควรพลาด

อาหารเย็น (4)

เมนูท้องถิ่นจิมดัก เป็นอีกหนึ่งเมนูที่มีชื่อเสียง เส้นมันเหนียวนุ่ม ผัดซอสถั่วเหลืองเข้มข้น ใส่เนื้อไก่ แครอท มัน เสิร์ฟพร้อมชข้าวสวย และเครื่องเคียง

ได้เวลาสมควร นำท่านกลับโรงแรมพักผ่อนตามอัธยาศัย

วันที่สาม ศูนย์ฮ๊อกเก็ตนามู – สมุนไพรโสมเกาหลี - INSPIRE Entertainment Resort - สนามบินอินชอน เกาหลี –

สนามบินคันไซ ญี่ปุ่น

เช้า รับประทานอาหารเช้า ที่ ห้องอาหารโรงแรม (5) พร้อมอำลาที่พัก

นำท่านรู้จัก และเข้าใจ ศูนย์ฮ๊อกเก็ตนามู ต้นไม้ฮ๊อกเก็ตนามูชนิดนี้เจริญเติบโตในป่าลึกบนภูเขาที่ปราศจากมลภาวะและระดับสูงเหนือน้ำทะเล 50-800 เมตร เมล็ดของพันธุ์ฮ๊อกเก็ตนี้..ชาวเกาหลีรุ่นใหม่นิยมนำมารับประทานเพื่อช่วยดูแลตับให้สะอาดแข็งแรง ป้องกันโรค ตับแข็งไม่ถูกทำลายจากการดื่มแอลกอฮอล์ กาแฟ บุหรี่ สารตกค้างจากอาหารและยา ..จากนั้นนำท่านรู้จักและเข้าใจ สมุนไพรโสมเกาหลี ที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่ระบบย่อยอาหารและปอด ช่วยทำให้จิตใจสงบและเพิ่มพละกำลังโดยส่วนรวมสรรพคุณทางการแพทย์ ช่วยบำรุงหัวใจ ป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด เสริมประสิทธิภาพทางเพศ ลดและป้องกันมะเร็ง โสมเกาหลีอาจจะได้จดทะเบียนมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก

นำท่านถึงINSPIRE Entertainment Resort เปิดให้บริการในปี 2567 เป็นรีสอร์ท Mohegan ล่าสุด และใหญ่ที่สุดในเอเชียเหนือ รีสอร์ทเพื่อความบันเทิงครบวงจรแห่งนี้ประกอบด้วยโรงแรมระดับ 5 ดาว คาสิโน ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ห้องนิทรรศการ สถานที่แสดงในร่ม INSPIRE Arena สวนน้ำ และสิ่งอำนวยความสะดวกด้านความบันเทิงอื่นๆ รีสอร์ทแห่งนี้มีรูปลักษณ์ร่วมสมัย ให้ทุกท่านได้สัมผัสกับเทคโนโลยีที่ลำสมัยที่สุด ที่ตกแต่งด้วยจอ LED ขนาดมหึมาสูงถึงเพดาน แชนเดอเลียร์ขนาดใหญ่ที่สามารถเปลี่ยนรูปแบบเคลื่อนไหวตามดนตรี น้ำตก LED ขนาดใหญ่ตรงทางบันไดขึ้น ลง และเปลี่ยนรูปแบบการแสดงตลอดเวลา ยิ่งใหญ่มาก ไฮไลท์ โดยมี AURORA ซึ่งเป็นถนน LED ยาว 150 เมตรที่จัดแสดงการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยี และศิลปะดิจิทัลทุกๆ 30 นาที คุณจะรู้สึกราวกับว่ากำลังเดินคดเคี้ยวท่ามกลางหญ้าสูงในป่าลึกลับ อยู่ใต้ท้องฟ้าสีครามที่ไร้ขอบเขต หรือบางทีคุณอาจพบว่าตัวเองจมอยู่ใต้น้ำลึกของมหาสมุทรสีฟ้า ท่องไปในความอัศจรรย์ในพื้นที่ดิจิทัลอันกว้างใหญ่ที่ไม่เคยมีมาก่อน

อาหารกลางวัน (6)

รับประทานอาหารอาหารดัง บูเดจิเก แกงทหาร หรือหม้อไฟเกาหลี น้ำซุปกิมจิกลมกล่อม ใส่มาม่า แฮม

ไส้กรอก เห็ด เส้นบุก เต้าหู้ เสิร์ฟพร้อมข้าวสวย และเครื่องเคียง

ได้เวลาสมควร นำท่านเดินทางถึง สนามบินอินชอน

เพื่อเช็คอินโหลดกระเป๋าสัมภาระไปยังสนามบินคันไซ ประเทศญี่ปุ่น

ออกเดินทางสู่ประเทศญี่ปุ่น โดยเส้นทางบินระหว่างประเทศเกาหลี และญี่ปุ่น

17.15 น. ถึงท่าอากาศยานคันไซ ประเทศญี่ปุ่น ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (เวลาท้องถิ่นที่ญี่ปุ่น เร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง กรุณาปรับเวลาของท่านเพื่อความสะดวกในการนัดหมาย) หลังผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง และตรวจรับสัมภาระเรียบร้อยแล้ว ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ ประเทศญี่ปุ่น

ได้เวลาสมควรนำท่านเช็คอิน โรงแรม Livemax Shinsaibashi-East or Welina Hotel Dotombori 3* หรือเทียบเท่า

(ผู้จัดทัวร์จะแจ้งให้ทราบก่อนเดินทาง 5-7 วัน)

อิสระอาหารเย็น เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนเวลาเที่ยวชม

วันที่สี่ ศาลเจ้าฟุชิมิอินาริ – วัดคิโยะมิซึ - ศาลเจ้ายาซากะ – วัดคิงกะกุจิ – ป่าไผ่อาราชิยามะ

เช้า รับประทานอาหารเช้า ที่ ห้องอาหารโรงแรม (7)

ศาลเจ้าเทพอินาริ (Fushimi Inari Shrine) ที่คนไทยทั้งหลายชอบเรียกกันว่าศาลเจ้าแดงหรือศาลเจ้าจิ้งจอกเป็นศาลเจ้าชินโต(Shinto) ที่มีความสำคัญแห่งหนึ่งของเมืองเกียวโต(Kyoto) มีชื่อเสียงโด่งดังจากประตูโทริอิ (Torii Gate) หรือเสาประตูสีแดงที่เรียงตัวกันข้างหลังศาลเจ้าจำนวนหลายหมื่นต้นจนเป็นทางเดินได้ทั่วทั้งภูเขาอินาริที่ผู้คนเชื่อกันว่าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธ์ โดยเทพอินาริจะเป็นตัวแทนของความอุดมสมบูรณ์

วัดคิโยะมิซึ (Kiyomizu-dera)หรือที่เราๆรู้จักกันในชื่อ วัดน้ำใส วัดมีสถาปัตยกรรมโบราณที่งดงามชวนตะลึงจนยูเนสโกได้บันทึกให้วัดแห่งนี้ขึ้นเป็นมรดกโลก (UNESCO world heritage sites) ซึ่งที่มาของชื่อวัดน้ำใสก็มาจากการที่วัดแห่งนี้นั้นได้ถูกสร้างขึ้นปี ค.ศ. 780 แล้วได้มีน้ำที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจากน้ำตกโอโตวะ (Otowa Waterfall) ไหลผ่านตัววัด จุดที่ถือว่าเป็นไฮไลท์การท่องเที่ยวของที่นี่ก็คงไม่พ้น อาคารไม้ขนาดใหญ่ที่แค่การสร้างก็น่าทึ่งแล้ว เพราะการสร้างทั้งหมดนี้ไม่มีการใช้ตะปูใดๆทั้งสิ้น ถือว่าเป็นภูมิปัญญาของคนโบราณที่สุดยอดเลยจริงๆ เสาของอาคารมีความสูงถึง 13 เมตรจากพื้นดิน และโถงอาคารถูกสร้างให้ยื่นออกไปภายนอกทำให้บริเวณนี้เป็นจุดชมวิวที่สวยงาม มองเห็นเมืองเกียวโตในฤดูต่างๆ และเป็นจุดชมซากุระและชมใบไม้แดงที่ขึ้นชื่อของเกียวโตอีกด้วย

ศาลเจ้ายาซากะ (Yasaka Shrine) หรือ ศาลเจ้ากิออน (Gion Shrine) มีชื่อเสียงด้านการขอพรเรื่องความรัก เพราะเป็นสถานที่สถิตของเทพเจ้าแห่งความรักสองสามีภรรยา ทั้งคู่เป็นเทพเจ้าที่รักกันมาก จึงมีผู้คนที่เลื่อมใสมาเสี่ยงเซียมซีทำนายรัก ในอดีตเป็นศาลเจ้าที่เหล่าเกอิชา หรือไมโกะ (เกอิชาฝึกหัด) ที่แอบมีความรักมักจะมาขอพร ตรวจหาว่ารักครั้งนี้จะเป็นรักแท้หรือไม่ ศาลเจ้ายาซากะเป็นศาลเจ้าชินโต สร้างขึ้นในปี 656 ในสมัยอะสุกะ เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ที่มีอายุมากกว่า 1,350 ปี ศาลเจ้าแห่งนี้ตั้งอยู่ในเกียวโต ย่านกิออน (Gion) ซึ่งเป็นย่านเกอิชา และย่านฮิกาชิยาม่า (Higashiyama) ศาลเจ้ายาซากะนี้มีชื่อเสียงอย่างมากในการจัดงานเทศกาลกิออน (Gion Festival / Gion Matsuri) ในช่วงเดือนกรกฎาคมของทุกๆ ปี และเป็นงานเทศกาลใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น บางครั้งเราอาจจะได้เห็นพิธีแต่งงานแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นได้จากที่นี่อีกด้วย

ฮอนเดน (Honden) คืออาคารหลักของศาลเจ้า มีกระดิ่งแขวนอยู่ด้านหน้าศาลา เพื่อให้ผู้มาเยือนได้สั่นกระดิ่งเพื่อขอพร ไมโดโนะ (Maidono) เป็นอาคารที่มีด้านในเป็นเวที ซึ่งใช้ประกอบพิธีต่าง ๆ รอบ ๆ ชายคามีการประดับโคมไฟจำนวนมาก บนโคมไฟจะเขียนชื่อของธุรกิจ ร้านค้า และผู้ที่บริจาคเงินให้กับศาลเจ้า

อาหารกลางวัน (8)

Cash Back 2000 yen เพื่อไม่ให้รบกวนเวลาเที่ยวชม อิสระอาหารตามอัธยาศัย

วัดคิงกะกุจิ (Kinkakuji Temple) ที่คนไทยทั่วไปรู้กันในชื่อว่าวัดทอง สาเหตุที่คนส่วนมากเรียกวัดนี้ว่าวัดทองนั่นก็เพราะว่าอาคารหลักของวัดนี้มีสีทองเหลืองอร่ามตั้งโดเด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางน้ำ เวลามองภาพสะท้อนก็กลายเป็นภาพที่งดงามไม่แพ้กัน เรียกได้ว่าดังขนาดกลายเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์หนึ่งของสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองเกียวโตเลย จริงๆแล้วมีอีกชื่อนึงที่เป็นที่รู้จักของคนท้องถิ่นนั่นก็คือ “วัดโระคุงอนจิ(Rokuon-ji Temple)” ที่แปลว่าวัดสวนกวาง และด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงามล้ำค่า จึงทำให้ได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโกให้เป็นมรกดโลกในปี ค.ศ.1994

เดิมทีนั้นวัดแห่งนี้ถูกสร้างมาเพื่อเป็นที่พำนักของท่านโชกุนอาชิกาก้า โยชิมิสุ(Ashikaga Yoshimitsu) และยังมีไว้เพื่อรับรองแขกระดับสำคัญๆเท่านั้น ภายหลังที่ท่านเสียชีวิตก็มีการยกที่พักแห่งนี้ให้กลายมาเป็นวัดในนิกายเซน ซึ่งก็กลายมาเป็นวัดวัดคินคะคุจิอย่างปัจจุบัน และด้วยความงดงามตระการตาจึงกลายมาเป็นต้นแบบของวัดวัดกินคะคุจิหรือวัดเงินที่ถูกสร้างโดยหลายชายของโชกุนในต่อมา

ป่าไผ่อาราชิยามะ (Arashiyama Bamboo Grove) มีจุดเริ่มต้นในช่วงศตวรรษที่ 8 จากการที่มีขุนนางญี่ปุ่นท่านหนึ่งได้เดินทางมาพักผ่อนในสถานที่ธรรมชาติ จากนั้นจึงได้ถูกดึงดูดมายังป่าไผ่อาราชิยามะ ซึ่งเป็นป่าไผ่ที่มีความอุดมสมบูรณ์อย่างยิ่ง ด้วยต้นไผ่เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับคนญี่ปุ่นมาช้านาน อีกทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี และความเจริญรุ่งเรือง ด้วยขนาดพื้นที่กว่า 16 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ในเขตอาราชิยามะ อยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองเกียวโต ซึ่งนับเป็นย่านเงียบสงบในอดีตเมืองหลวงเก่า จึงทำให้มีผู้สัญจรมาเยือนบ่อยๆ ก่อนที่ในปัจจุบันจะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของเหล่าผู้มาเยือนที่ต้องการชมทิวทัศน์ธรรมชาติ อากาศเย็นสบาย และอยากถ่ายรูปสวยๆ เก็บไว้เป็นความทรงจำ

อิสระอาหารเย็น

เพื่อไม่ให้รบกวนเวลาเที่ยวชม อิสระอาหารตามอัธยาศัย

ได้เวลาสมควร นำท่านกลับโรงแรมที่พัก

วันที่ห้า อิสระ 1 วัน ตามอัธยาศัย ไม่รวมค่ารถบริการรับ – ส่ง และค่าเข้าสถานที่ต่างๆ

เช้า รับประทานอาหารเช้า ที่ ห้องอาหารโรงแรม (9)

อิสระให้ท่านเที่ยวชมเมืองโอซาก้าตามอัธยาศัย (ไม่มีรถบริการรับส่ง) โอซาก้า และเมืองใกล้เคียงมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ที่ยังคงรอต้อนรับนักท่องเที่ยวอยู่ อาทิเช่น

-ตึกอูเมดะ สกาย เป็นตึกชมวิวของเมืองโอซาก้า มีการเชื่อมต่อสองฝั่งของตึกเข้าด้วยกันที่ชั้น 40 เป็นจุดชมวิวโอซาก้า แบบ 360 องศา และสามารถเดินชมได้รอบเลยอีกด้วย สำหรับโซนอื่นๆ ของตึกก็จะเป็นทั้งโซนออฟฟิศ ร้านค้า และโรงภาพยนตร์ เป็นต้น

-พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง ตั้งอยู่ที่ Tempozan Harbor Village บริเวณอ่าวโอซาก้า เป็นสถานที่ซึ่งรวบรวมทั้งสัตว์น้ำ และสัตว์บก 30,000 ชีวิต ประมาณ 620 สายพันธุ์จากทั่วโลก และนำมาจัดแสดงในสภาพแวดล้อมที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติ เป็นอควาเรียมที่ดีที่สุดในประเทศญี่ปุ่น และเอเชีย

-หมู่บ้านอเมริกา โอซาก้า เป็นศูนย์กลางแห่งแฟชั่นคล้ายกับชิบูย่าที่โตเกียวเลย ซึ่งในสมัยเก่า หมู่บ้านอเมริกา เป็นโกดังขายสินค้า และเสื้อผ้ามือสองนำเข้าจากอเมริกา เลยได้ชื่อนี้ตั้งแต่นั้นมา ทำให้หมู่บ้านอเมริกา โอซาก้า เป็นแหล่งรวมร้านค้ามากมาย ตั้งแต่ ร้านแฟชั่นแนวสตรีท ร้านแบรนด์เนม สินค้านำเข้าจากอเมริกา และร้านไอเทมสุดชิคไอเดียบรรเจิดมากมาย

-ศาลเจ้าสุมิโยชิ หนึ่งในศาลเจ้าที่มีความเก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น และเป็นศาลเจ้าหลักของศาลเจ้าสุมิโยชิกว่า 2,300 แห่งทั่วญี่ปุ่น แลนด์มาร์คของที่นี่ก็คือ สะพานโค้งสีแดง Sorihashi Bridge ซึ่งเป็นจุดสวยๆ ในการเดินเที่ยวถ่ายรูป ตรงจุดนี้เราจะเห็นภาพของสะพานแดงสะท้อนกับผิวน้ำอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีความเชื่อที่ว่า เมื่อเดินข้ามสะพานนี้แล้ว จะพบเจอแต่สิ่งที่เป็นมงคลกับชีวิตต่อไป

-พิพิธภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ที่เดียวในโลกกันที่ The Momofuku Ando Instant Ramen Museum หรือ โมโมฟูกุ อันโด ชื่อของผู้คิดค้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และเป็นผู้ก่อตั้งกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหาร Nissin

-ย่านชินเซไก ที่เที่ยวสำคัญอีกแห่งหนึ่งของเมืองโอซาก้า เพราะที่นี่จะคึกคักสุดๆ ในช่วงตอนกลางคืน และเต็มไปด้วยร้านกินดื่ม ขนมต่างๆ ให้ได้ชิมกัน นอกจากนี้ยังมี หอคอยซึเทนคาคุ ที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของย่านชินเซไกตั้งอยู่ให้ได้เดินถ่ายรูปอีกด้วย

-ชิงช้าสวรรค์เท็มโปซาน ริมอ่าวโอซาก้า ชิงช้าสวรรค์ขนาดยักษ์ มีความสูง 112.5 เมตร เป็นจุดที่จะสามารถชมวิวทิวทัศน์ของเมืองโอซาก้าได้โดยรอบ

-เดนเดนทาวน์ แหล่งรวมอนิเมะ ของสะสมต่างๆ ชื่อดังในญี่ปุ่นที่มักจะนึกถึงก็คือ ย่านอากิฮาบาระ ในโตเกียว แต่ถ้าเป็นโอซาก้า ที่นี่ก็มีแหล่งของสะสมชื่อดังไม่แพ้กันก็คือ เดนเดนทาวน์

-Universal Studios Japan สวนสนุกแห่งแรกในเอเชีย ภายในสวนสนุกมีพื้นที่หลายโซนที่ประกันความฟิน แต่ไฮไลท์ก็คือ โซน The Wizarding World of Harry Potter และ Super Nintendo World (สนใจซื้อบัตร แจ้งล่วงหน้า 14 วัน)

-Shinsaibashi เป็นย่านช้อปปิ้งแห่งโอซาก้า ตั้งอยู่ใกล้กับนัมบะและโดทงโบริ เป็นแหล่งช้อปปิ้งชื่อดังของย่านโอซาก้า ย่านชินไซบาชินี้มีระยะทางทั้งหมด 600 เมตร หากรวมย่านร้านค้าอื่นๆที่อยู่หัวและท้ายซอยเป็นย่านช้อปปิ้งที่มีความยาวราว 2 กิโลเมตร ย่านนี้ประกอบไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านเครื่องสำอาง ร้าน 100 เยน ร้านยา ร้านปลอดภาษี ร้านแบรนด์เนม ไฮเอนและห้างดังต่างๆมากมาย

อิสระอาหารกลางวัน และอาหารเย็น

เพื่อให้ท่านได้เพลิดเพลินในการช้อปปิ้ง และไม่รบกวนเวลาเที่ยวชม

ได้เวลาสมควร นำท่านกลับโรงแรมที่พัก

วันที่หก อิสระนัมบะ - มิทซุย เอ้าท์เล็ต – สนามบินคันไซ – กทม.

เช้า รับประทานอาหารเช้า ที่ ห้องอาหารโรงแรม (10) อำลาที่พัก

อิสระนัมบะ ตามหาของฝากที่แหล่งช้อปปิ้ง ชินไซบาชิสุจิโชเท็นไก ซึ่งอัดแน่นไปด้วยร้านค้ากว่า 180 แห่งบนถนนตั้งแต่จากโดทงโบริจนทะลุผ่านชินไซบาชิ มีทั้งร้านแบรนด์เนมจากในและต่างประเทศ ห้างสรรพสินค้าเก่าแก่ของโอซาก้า \"ไดมารุ สาขาชินไซบาชิ\" ร้านค้าหลายแห่งมีพนักงานที่สื่อสารภาษาต่างชาติ และป้ายภาษาต่างประเทศได้ ยังมีร้านอาหารมากมาย ให้ได้ลองชิม เรียกได้ว่า ช้อปสนุก อิ่มอร่อย ไปพร้อมกัน

อิสระอาหารกลางวัน

เพื่อให้ท่านได้เพลิดเพลินในการช้อปปิ้ง และไม่รบกวนเวลาเที่ยวชม

นำท่านถึง MITSUI OUTLET PARK สวรรค์ของนักช้อป เป็นศูนย์รวม outlet ขนาดใหญ่ทีทั้งหมด 5 ชั้น แบ่งเป็น 2 โซน คือ In Mall และ Out Mall แนะนำให้ดู Directory ไว้เลย เพราะใหญ่มากๆ ร้านรองเท้าที่คนไทยนิยมซื้อส่วนมากจะอยู่ โซน Out mall

ได้เวลาสมควร นำท่านเดินทางถึง สนามบินคันไซ

ขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงเที่ยวบิน และตารางการบินของสายการบินตามที่ได้อนุมัติ

น้ำหนักกระเป๋าใต้ท้องเครื่อง 20 กิโลกรัม ถือขึ้นเครื่อง 10 กิโลกรัม

(มีบริการอาหารร้อน เครื่องดื่มบนเครื่อง และบริการเอนเตอร์เทนเมนต์ฟรี)

23.55 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจ