|
|
ทัวร์อิตาลีรหัส : Z11195
เดินทางโดย : EK-เอมิเรตส์แอร์ไลน์
โรงแรม :
|
จำนวนวัน :
10 วัน 7 คืน
อิตาลี โดโลไมล์ เหนือจดใต้ : โบลซาโน - ออร์ติเช่ - กระเช้า ALPE DI SIUSI - ทะเลสาบเบรียส - เวโรนา - เกาะเวนิส - ฟลอเรนซ์ - หอเอนเมืองปิซ่า - ซอร์เรนโต้ - อัลเบโรเบลโล - ปอมเปอี - นครวาติกัน - น้ำพุเทรวี่ - ย่านบันไดสเปน
➥ กรุงเทพฯ(สนามบินสุวรรณภูมิ) ➥ แวะเปลี่ยนเครื่องสนามบินดูไบ - สนามบินเมืองมิลาน - โบลซาโน (อิตาลี) ➥ โบลซาโน - ออร์ติเช่ - กระเช้า ALPE DI SIUSI - ทะเลสาบเบรียส - เบลลูโน่ ➥ เบลลูโน่ - เวโรนา - เวนิส - เกาะเวนิส - โบโลญญ่า ➥ โบโลญญ่า - ฟลอเรนซ์ - ปิซ่า - หอเอนเมืองปิซ่า ➥ ปิซ่า - โรม - ซอร์เรนโต้ ➥ โซเรนโต้ - เปสตุม - มาเทรา - อัลเบโรเบลโล ➥ อัลเบโรเบลโล - ปอมเปอี - โรม ➥ โรม - นครวาติกัน - ถ่ายรูปด้านหน้าสนามกีฬาโคลอสเซียม - น้ำพุเทรวี่ - ย่านบันไดสเปน - สนามบินกรุงโรม ➥ แวะเปลี่ยนเครื่องสนามบินดูไบ - กรุงเทพฯ(สนามบินสุวรรณภูมิ) ➥ ไม่มีเจ้าหน้าที่รับ-ส่งเอกสารวีซ่า โปรดส่งเอกสารทางระบบขนส่ง ตรงถึง Center แผนกวีซ่า - ไม่รวมค่าแปลเอกสารที่ต้องรับรอง เป็นภาษาอังกฤษ (ถ้ามี)
คลิกดูโปรแกรมฉบับเต็ม (PDF)
เดินทาง :
29 พ.ย. 2567
-
08 ธ.ค. 2567
:
฿
119,999
06 ธ.ค. 2567
-
15 ธ.ค. 2567
:
฿
119,999
21 ธ.ค. 2567
-
30 ธ.ค. 2567
:
฿
134,999
27 ธ.ค. 2567
-
05 ม.ค. 2568
:
฿
134,999
28 ธ.ค. 2567
-
06 ม.ค. 2568
:
฿
134,999
Download PDF
อาณาจักรโรมัน อิตาลี เหนือ-ใต้ 10 วัน 7 คืน โดยสายการบินเอมิเรตส์ (EK) จุดเด่นของรายการ : ถึงแล้วก็เที่ยวทันที สำหรับคนที่มีเวลาไม่มาก บริการน้ำดื่มทุกวัน / อาหารไทย, จีน, พื้นเมืองมีทุกประเทศ / จัดแบบเที่ยวสบาย ๆ ไม่รีบไม่ชะโงกทัวร์มีเวลาช้อปปิ้งไม่อัดรายการเยอะจนเกินไป กำหนดการเดินทาง: วันแรกของการเดินทาง ประเทศไทย 22:00 น. พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ทางเข้าที่ 8-9 สายการบิน เอมิเรตส์ (EK) เจ้าหน้าที่จากบริษัทฯ จะคอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกให้ท่านก่อนขึ้น เครื่อง วันที่สองของการเดินทาง ประเทศไทย - ดูไบ - มิลาน - โบลซาโน (อิตาลี) 01:05 น. ออกเดินทางสู่ เมืองมิลาน โดย สายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK385/EK205 *.*.*. แวะเปลี่ยนเครื่องที่เมืองดูไบ : 0500-0905 *.*.*. 13:10 น. (เวลาท้องถิ่น) เดินทางถึง สนามบินเมืองมิลาน (MILAN) ประเทศอิตาลี ...หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรเรียบร้อยแล้ว … จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองโบลซาโน (BOLZANO) (275 กม.) เป็นประตูสู่อุทยานแห่งชาติโดโลไมท์โบลซาโนเป็นเมืองหลวงของภูมิภาคทีโรลใต้ (SOUTH TYROL) ซึ่งล้อมรอบด้วยแม่น้ำ ที่นี่แม่น้ำ TALVERA จะไหลลงไปในแม่น้ำ ISRACO และมารวมกันเป็นแม่น้ำ ADIGE เนินเขาที่เป็นป่าทุ่งหญ้า ไร่องุ่นและเทือกเขา DOLOMITES ในทางทิศตะวันออกนั้นเหมาะกับการพักผ่อนแบบผ่อนคลายอย่างยิ่ง เมืองโบลซาโนรู้จักกันทั่วไป เมื่อครั้งที่ NATIONAL GEOGRAPHIC ไปถ่ายทำสารคดี การค้นพบซากมนุษย์ที่ฝั่งอยู่ใต้หิมะบนยอดเขาสูงในแคว้นทีโรลของออสเตรีย และนำร่างนั้นมาไว้ที่เมืองโบลซาโนเรียกกันว่ามนุษย์หิมะแห่งโบลซาโน ที่เป็นข่าวไปทั่วโลก ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร ที่พัก FOUR POINT HOTEL หรือเทียบเท่า วันที่สามของการเดินทาง โบลซาโน - ออร์ติเช่ - กระเช้า ALPE DI SIUSI - ทะเลสาบเบรียส เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินชมเมืองเก่า ชมวิหาร DUOMO โบสถ์ CHIESA DEI DOMENICAN และอนุสาวรีย์ที่จัตุรัสกลางเมือง PIAZZA DELLE ERBE แถบถนนคนเดิน PIAZZA WALTHER และย่านอาเขตโบลซาโน ให้ท่านได้เดินเล่นชมเมือง… จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองออร์ติเซ่ (ORTISEI) (40 กม.) เมืองแห่งศูนย์กลางของการท่องเที่ยวในแถบอุทยานโดโลไมท์ ที่อยู่ในหุบเขา มีเทือกเขาล้อมรอบสวยงามยิ่งนัก อิสระให้ท่านพักผ่อนเพลิดเพลิน กับอากาศอันบริสุทธิ์ ชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามแปลกตา นำท่าน นั่งกระเช้าขึ้นสู่บนเนินเขาที่เรียกว่า SECEDA นำท่านชมวิวทิวทัศน์บนทุ่งหญ้าราบเลียบบนภูเขา ที่ได้ขึ้นชื่อว่ากว้างใหญ่ที่สุดในยุโรป ท่านจะได้สัมผัสความงดงามอันประหลาดมหัศจรรย์ของดินแดนเทือกเขาโดโลไมท์ จากมุมสูงรอบด้าน ชมทัศนียภาพอันยิ่งใหญ่ของหุบเขา โตรกผา โดยมีเทือกเขา SASOLUNGO MOUNTAIN RANGE ที่มีรูปทรงประหลาดยอดเขาแหลมชันเป็นจุดเด่นมีเส้นทางเดินลัดเลาะ สู่จุดชมวิวต่างๆ ให้ท่านมีเวลาเก็บภาพสวยๆ อันประทับใจก่อนท่านจะได้ตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศสุดที่จะบรรยาย อิสระให้ท่านเดินเล่น ถ่ายรูปตามอัธยาศัย จากนั้นนำท่านนั่งกระเช้ากลับ ลงสู่ด้านล่าง *.*.*. หมายเหตุ : การนั่งกระเช้า หากสภาพอากาศไม่อำนวยหรือมีเหตุขัดข้องไม่สามารถขึ้นได้ ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการงดให้นั่งกระเช้าเพื่อความปลอดภัย *.*.*. นำท่านสู่ SECEDAเป็นจุดชมวิวที่พีคที่สุดของโดโลไมต์เลยก็ว่าได้ ซึ่งจุดนี้จะเห็นยอดเนินคล้ายเปลวไฟที่แข็งเป็นหิน จึงมีคนตั้งสมยานามว่า FLAME FROZEN IN STONE เป็นทุ่งหญ้าลาดเอียง สวยอลังการสมคำล่ำลือ… นำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านซานตาแมคดาเลนา (SANTA MADDALENA)เพื่อให้ท่านได้ชมความสวยงามของจุดที่เป็นไฮไลท์ของของภูเขาลักษณะคล้าย ๆ กับเปลวเพลิงซึ่งเป็นแลนด์มาร์คของอุทานเทือกเขาโดโลไมต์ เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร บ่าย จากนั้นนำท่าน ชมทะเลสาบเบรียส (BRAIES) (90 กม.) ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ FANES SENNES BRAIES เขตป่าสงวนที่ใหญ่ที่สุดใจกลางเทือกเขาโดโลไมท์ ...อิสระถ่ายภาพความงดงามของทะเลสาบ ซึ่งว่ากันว่าที่นี่เป็นประตูสู่ดินแดนใต้พิภพตามตำนาน ทุกๆร้อยปีในคืนพระจันทร์เต็มดวงเจ้าหญิงในตำนานจะออกมาจากเนินเขา SASS DIA PORTA ภาษาลาตินหมายถึง ประตูบนภูเขา ทรงพายเรือรอบๆทะเลสาบพร้อมส่งเสียงแตรที่ดังกึกก้องไปทั่วเทือกเขาโดโลไมท์ ..... นำท่านเดินทางสู่ ทะเลสาบมิซูรีน่า (LAKE MISURINA) ทะเลสาบที่งดงามอีกแห่งหนึ่งในอุทยาโดโลไมต์ ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร ที่พัก LEONARDO VERONA HOTEL หรือเทียบเท่า วันที่สี่ของการเดินทาง เวโรนา - เวนิส - เกาะเวนิส - โบโลญญ่า เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ เมืองเวโรนา (VERONA) (209 กม.) อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอิตาลี เป็นเมืองที่ใหญ่และสำคัญเป็นอันดับสองในแคว้นเวเนโต รองจากเมืองเวนิส …ได้รับสมญานามว่า LITTLE ROMAN เพราะยังคงสภาพสิ่งก่อสร้างจากสมัย โรมันไว้อย่างสมบูรณ์ เป็นเมืองที่สมญานามว่า “LITTLE ROMAN” เพราะยังคงสภาพสิ่งก่อสร้างจากสมัย โรมันไว้อย่างสมบูรณ์ เป็นเมืองที่ มากไปด้วยกลิ่นอายแห่ง ศิลปะและวัฒนธรรม เป็นเมืองขนาดกะทัดรัด อบอุ่น ล้อมรอบด้วยสายน้ำ ในปีค.ศ. 2000 องค์การ การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่ง สหประชาชาติก็ประกาศให้เวโรนาเป็นเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรม…. เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร บ่าย นำท่าน ถ่ายภาพด้านนอก VERONA ARENA โรงละครกลางแจ้งแบบโรมัน ลักษณะเหมือนโคลอสเซี่ยมที่โรมแต่ขนาดเล็กกว่า นอกจากนี้ เวโรนาเป็นเมืองแห่งความรัก ที่มีเรื่องราวความรักระหว่างหนุ่มสาวของสองตระกูลผู้ยิ่งใหญ่ มองตากิว(โรมีโอ) และ คาปูเล็ต (จูเลียต) ยิ่งเมื่อ วิลเลี่ยมเชคสเปียร์ เอาเรื่องราวของโรมิโอกับจูเลียต มาเขียนเป็นบทละครเวที ชื่อเสียงของ โรมีโอ จูเลียต และ เวโรนา ก็โด่งดังมากขึ้นและดึงดูดให้นักท่องเที่ยว นำท่าน ชมภายนอกบ้านของจูเลียต (CASA DI GIULIETTA) คือบ้านเลขที่ 27 ถนน VIA CAPPELLO CASA DI GIULIETTA ซึ่งแท้จริงแล้วบ้านหลังนี้ เคยเป็นของตระกูล CAPPELLO เป็นความบังเอิญที่ชื่อตระกูลคล้ายคลึงกับตระกูล CAPULET ของจูเลียต แต่ด้วยความที่กระแสของละครดัง คนก็เลยอินจัดเมืองนี้ก็เลยถูกพัฒนาให้เป็นที่ท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามบ้านหลังนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่13 และได้เมืองนี้ก็เลยถูกพัฒนาให้เป็นที่ท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามบ้านหลังนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่13 และได้ทำการปรับปรุงใหม่ในศตวรรษที่ 20 โดยเพิ่มระเบียงซึ่งเป็นที่ที่โรมิโอสารภาพรักกับจูเลียตในบทประพันธ์อีกทั้งยังเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้หญิง สาวจากทั่วโลก พากันมาที่นี่ ยืนริมระเบียงแห่งนี้ และดื่มด่ำกับบรรยากาศที่เขียนขึ้นเมื่อหลายร้อยปีก่อนเพื่อจินตนาการถึงโรมิโอของพวกเธอ… จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองเวนิส (VENICE) (120 กม.) หนึ่งในเมืองที่สวยที่สุดในอิตาลี เป็นเมืองที่รู้จักกันในด้านของความเจริญรุ่งเรืองทางประวัติศาสตร์ และศิลปะที่ได้รับหลายฉายาว่า ราชินีแห่งทะเลอาเดรียตริก (QUEEN OF THE ADRIATIC) เมืองแห่งสายน้ำ (CITY OF WATER) เมืองแห่งสะพาน (CITY OF BRIDGES) และเมืองแห่งแสงสว่าง (THE CITY OF LIGHT) อีกทั้งยังเป็นเมืองที่โรแมนติกเมืองหนึ่งในยุโรปที่ไม่เหมือนเมืองใดในโลกไม่มีการอนุญาตให้รื้อสิ่งก่อสร้างเก่า ไม่มีรถยนต์มีแต่เรือที่จำกัดไม่ให้เสียงดัง ดังนั้นทั่วโลกจึงหลงใหลมนต์เสน่ห์อันสุนทรีย์ของเวนิชตลอดมา... จากนั้นนำท่าน ล่องเรือสู่ เกาะเวนิส ...ชมจัตุรัสซานมาร์โค จัตุรัสที่สวยงามที่สุดในอิตาลี ผ่านชมมหาวิหาซานมาร์โคพระราชวังดอจสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่มากว่า 800 ปีมาแล้วเมื่อสมัยเวนิชยังเป็น สาธารณะรัฐอิสระซึ่งเคยร่ำรวย และมีอำนาจมหาศาล และเคยส่งให้มาร์โคโปโลเดินทางไปเมืองจีน...อิสระช้อปปิ้งตามอัธยาศัย *.*.*. (ท่านใดต้องการนั่งเรือกอนโดล่า กรุณาแจ้งหัวหน้าทัวร์ล่วงหน้า ค่าเรือท่านละ 20 ยูโร นั่งได้ 6 ท่าน) *.*.*. แล้วนำท่านกลับสู่ฝั่งเมืองเวนิส เพื่อเดินทางสู่ เมืองโบโลญญ่า (BOLOGNA) (154 กม.) เมืองประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสี ยงทางด้านท่องเที่ยวและเป็นเมืองหลวงของแคว้น เอมีเลีย-โรมัญญา (EMILIA-ROMAGNA) เป็น 1ใน 20 แคว้นของประเทศอิตาลี โดยตัวเมืองนั้นตั่งอยู่ในหุบเขาโป ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลโดยตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำโป กับ เทือกเขาแอเพนไนน์ยังเป็นหนึ่งในเมืองยุคกลางที่ได้รับการเก็บรักษาไว้ดีที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป… ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม ที่พัก AC HOTEL BY MARRIOTT BOLOGNA หรือเทียบเท่า วันที่ห้าของการเดินทาง โบโลญญ่า - ฟลอเรนซ์ - ปิซ่า เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ เมืองฟลอเรนซ์ (FLORENCE) (112 กม.) เมืองแห่งดอกไม้บาน ตำนานแห่งบ้านเกิดของศิลปินชื่อดังก้องโลก เช่น ลีโอนาร์โด ดาร์วินชี ไมเคิล แองเจโล และท่านศิลป์พีระศรี อดีตเป็นเมืองหลวงเก่าของอิตาลีก่อนจะย้ายไปอยู่กรุงโรม เมืองที่มีความเจริญมั่งคั่งทางการค้าและเศรษฐกิจ เป็นเมืองที่มีความสวยงามจนท่านจะหลงใหล และถือเป็นเมืองต้นกำเนิดศิลปะแบบเรเนอซองส์อีกด้วย นำท่าน ชมย่านเมืองเก่า ชมดูโอโม่ประจำเมืองที่มีความงดงามตามแบบ เรเนอซองส์ สะพานแวคคิโอสัญลักษณ์ของเมืองฟลอเร้นซ์ เดินผ่านร้านค้า และสินค้าที่วางขายอยู่มากมายที่ล่อตาล่อใจจนท่านอดใจไม่ได้ จัตุรัสซิญญอเรีย และรูปปั้นของเดวิด ชายหนุ่มรูปงามที่สมบูรณ์แบบที่สุด ในตำนานสัญลักษณ์ของการปลดปล่อยเสรีภาพ ที่แวดล้อมไปด้วย สถาปัตยกรรมชิ้นสำคัญต่างๆมากมายจนได้ฉายาว่าเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง จัตุรัสซานตาโกรเช่ สถานที่ฝังศพของไมเคิลแองเจโล นำท่าน ถ่ายภาพกับจอตโต แคมพานีลี (GIOTTO’S CAMPANILE) หรือจอตโต เบล ทาวเวอร์ (GIOTTO’S BELL TOWER) หอระฆังที่เป็นส่วนหนึ่งของมหาวิหารฟลอเรนซ์ ถูกสร้างขึ้นในรูปแบบสถาปัตยกรรมโกธิค ด้วยความสูงประมาณ 84.7 เมตร (277.9 ฟุต) ตัวหอคอยถูกตกแต่งด้วยรูปปั้น รูปแกะสลักอย่างงดงาม และไม่ไกลจากกันนักจะเป็นที่ตั้งของหอทำพิธีศีลจุ่ม (FLORENCE BAPTISTERY) เป็นอาคารทางศาสนาที่มีสถานะเป็นโบสถ์ขนาดเล็กเป็นหนึ่งในอาคารที่เก่าแก่ที่สุดในเมือง โดยหอแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงระหว่างปี 1059 – 1128 อิสระให้ท่านชมเมือง… เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร บ่าย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองปิซ่า (PISA) (110 กม.) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในแคว้นทัสคานี ริมฝั่งทะเลใกล้ปากแม่น้ำอาร์โนที่ไหลมาจากเมืองฟลอเรนซ์ รุ่งเรือง สูงสุดในช่วงศตวรรษที่ 11-12 เมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว . นำท่าน ชมหอเอนเมืองปิซ่า (LEANING TOWER OF PISA) ที่ขึ้นชื่อในด้านความสัมพันธ์ของการสร้างกับแรงโน้มถ่วงของตัวอาคารที่สมดุลกันโดยบังเอิญจนได้ชื่อว่า เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกสมัยกลางและเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของอิตาลี ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร ที่พัก NH PIZA HOTEL หรือเทียบเท่า วันที่หกของการเดินทาง ปิซ่า - โรม - ซอร์เรนโต้ เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ กรุงโรม (ROME) (370 กม.) เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของอิตาลี ที่มีทั้งความเก่าและความใหม่ซ้อนแทรกอยู่ด้วยกันอย่างกลมกลืน ตั้งอยู่บนแคว้นลาซิโอ (LAZIO) ตรงช่วงกลางของประเทศมีแม่น้ำไทเบอร์ (TIBER) ไหลผ่านกลางเมือง โรมจึงถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน สถานที่สำคัญ และเมืองเก่าโรมันจะอยู่ทางฝั่งขวาของแม่น้ำส่วนฝั่งซ้ายเป็นรัฐวาติกัน และเขตทราสเตเวเร (TRASTEVERE) ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของผู้มีฐานะ และปัจจุบันเป็นแหล่งร้านอาหาร และคาเฟ่แบบเก๋ๆ ทันสมัย… เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร บ่าย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองซอร์เรนโต้ (SORRENTO) (160 กม.) ที่มาของเพลง คัมแบค ทู ซอร์เรนโต้ และเป็นบ้านเกิดของเอนริโก คารูโซ (ENRICO CARUSO) นักร้องโอเปราชื่อดัง เป็นเมืองในฝันที่งดงามล้ำเลิศ เมืองที่มีทัศนียภาพสวยงาม โดยเฉพาะเวลาตอนที่พระอาทิตย์จะลับขอบฟ้า … นำท่าน ชมเมืองซอร์เรนโต้ เมืองตากอากาศเล็กๆ ริมอ่าวเนเปิ้ล แต่ชื่อเสียงของเมืองในฐานะเมืองท่องเที่ยวของอิตาลีนั้นไม่ได้เล็กตามขนาดของเมือง ตัวเมืองตั้งอยู่บนหน้าผาสูง และไล่ระดับลงมาตามความลาดชันจนลงมาถึงระนาบเดียวกันกับหาดทรายสีเทาที่ได้รับการจัดระเบียบไว้อย่างเรียบร้อย และมีชายฝั่ง Amalfi ที่เลียบริมทะเลไปตามหน้าผายาวถึง 50 กม…… นำท่าน ชมจัตุรัสทาซโซ่ (PIAZZA TASSO) ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมือง เป็นจัตุรัสที่เต็มไปด้วยสีสันของร้านรวงที่ตั้งเรียงรายตลอดสองข้างทางของถนนสายที่ได้ชื่อว่าเป็นช้อปปิ้งสตรีทอันมีชื่อเสียงของเมืองซอร์เรนโต้ พร้อมทั้งยังได้ชมวิถีชีวิตของผู้คนพื้นเมืองที่นิยมมานั่งจิบกาแฟ หรือมานั่งพูดคุยสังสรรค์กันในร้านอาหาร นำท่านชมบริเวณโดยรอบจัตุรัสทาซโซ่ ที่เต็มไปด้วยโบสถ์ วิหารที่มีความโดดเด่นงดงามเป็นเอกลักษณ์ด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบบารอค อิสระท่านเดินเล่นชมเมืองหรือเลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัย… ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร ที่พัก MICHELANGELO HOTEL หรือเทียบเท่า วันที่เจ็ดของการ โซเรนโต้ - เปสตุม - มาเทรา - อัลเบโรเบลโล เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ เมืองเปสตุม (PAESTUM) (95 กม.) เป็นแหล่งโบราณคดีเก่าแก่สมัยกรีกโบราณ ชื่อเดิมแบบกรีกคือ POSEIDONIA ก่อตั้งในช่วง 600 ปีก่อนคริสตกาล ... นำท่าน ชมแหล่งโบราณคดีซึ่งเป็นซากปรักหักพังของวิหาร 3 หลัง คือ วิหารอธีน่า, วิหารเฮร่า และวิหารโพไซดอน โดยวิหารอธีน่ามีขนาดเล็กที่สุดและตั้งอยู่โดดเดี่ยว ส่วนอีกสองวิหารอยู่คู่กัน วิหารเฮร่า หรือ BASILICA ซึ่งเป็นโครงสร้างที่ใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในบรรดาวิหารทั้งสามซึ่งยังคงอยู่ในสภาพที่ดี จนเป็นสถาปัตยกรรมของอาณานิคมกรีกในศตวรรษที่ 6 ที่สมบูรณ์แบบที่สุด นอกจากวิหารแล้ว ยังมีซากอาคารบ้านเรือนรวมถึงพื้นกระเบื้องโมเสคชิ้นเล็กๆ, AMPHITHEATRE ขนาดเล็ก, FORUM และอื่นๆ… เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร บ่าย จากนั้นนำท่านเดินสู่ เมืองมาเทรา (MATERA) (185 กม.) เมืองโบราณเล็กๆ ทางตอนใต้ของอิตาลีมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ซึ่งตั้งอยู่ในแคว้นบาซีลีกาตา (BASILICATA) ของประเทศอิตาลี ได้รับขนานนามว่าเป็นเมืองใต้ดินหรือ เมืองมนุษย์ถ้ำ เมืองนี้สร้างอยู่ในหิน และผู้คนอาศัยอยู่ในบ้านหินโบราณที่เป็นถ้ำที่เรียกว่า ซาสซี (SASSI) มานานหลายศตวรรษ ซึ่งองค์การยูเนสโกได้ประกาศให้เป็นมรดกโลก… จากนั้นนำท่าน ชมเมืองมาเทรา เมืองนี้จะมีสองส่วนคือส่วนเมืองเก่าและส่วนเมืองใหม่ที่รัฐบาลพยายามอพยพผู้คนให้มาอยู่ที่เมืองใหม่ แต่ก็ยังมีพลเมืองบางส่วนยังคงอาศัยอยู่ในถ้ำหินของเมืองเก่า ชมย่านเมืองเก่า สัมผัสชีวิตท่ามกลางเขาวงกตที่มีทางเดินขนาดเล็กที่ปูด้วยหิน บันไดสูงชัน และถนนที่คดเคี้ยวตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือนอันแสนเก่าแก่ ไม่มีสถาปัตยกรรม หรือพระราช วังที่สวยงามใดๆ มีแต่บ้านช่องที่มีอยู่ตามถ้ำที่เรียกกันว่า ซาสซี (SASSI) และ โบสถ์รูเปสเตรียน ที่ขุดไว้ ตามโขดหินในยุคก่อนประวัติศาสตร์ ยูเนสโกได้กำหนดให้เป็นถิ่นฐานที่มีวัฒนธรรมที่ควรเก็บรักษาจนได้ขึ้นเป็นมรดกโลก…. จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองอัลเบโรเบลโล (ALBEROBELLO) (70 กม.) ตั้งอยู่ใน แคว้นยาทางทิศตะวัน ออกเฉียงใต้ของอิตาลี เป็นเมืองที่อยู่เกือบปลายเกือกของอิตาลี จึงมีทะเลล้อมรอบอยู่ใกล้ๆ … นำท่าน ชมหมู่บ้านกระโจมหิน (TRULLI VILLAGE) หมู่บ้านเก่าแก่ รูปทรงแปลกตา มีเอกลักษณ์ทางด้านสถาปัตยกรรมซึ่งมีหลังคาบ้านเป็นรูปทรงกรวยเกือบทุกหลัง การที่มีรูปทรงแบบนี้ ที่จริงก็มีเค้าโครงมาตั้งแต่สมัยโบราณ เพราะเป็นบ้านที่มีวิวัฒนาการ การตั้งถิ่นฐานของคนแถบ GREECE, EGYPT, SARDINIA AND SICILY รอบๆทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมีการตั้งบ้านเรือนแบบนี้มาตั้งแต่ราวศตวรรษที่ 14-15 การที่บ้านเมืองดูโบราณๆนั้น เพราะวัสดุที่ใช้สร้างบ้านเขาใช้วัสดุจากธรรมชาติ ที่หาได้รอบๆนั่นเอง และการก่อสร้างก็ง่ายๆ ไม่สลับซับซ้อน แต่ก็ยังไม่วายมีตำนาน เกี่ยวกับการก่อสร้างรูปแบบนี้ว่า เกิดจากการตั้งกฎของ COUNT OF CONVERSANO ที่เป็นผู้มีอำนาจในการควบคุมการก่อสร้างในสมัยก่อน เขาออกกฎให้การก่อสร้างในยุคนั้น ใช้หินเรียงซ้อนกัน โดยไม่ใช้ปูนก่อเพื่อให้ง่ายต่อการรื้อถอน เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษี เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของบ้านแถบเมดิเตอร์เรเนียนนี้คือ การใช้สีง่ายๆ ด้วยสีขาวเพียงสีเดียว ไม่นิยมความแตกต่างโดดเด่นที่ต้องไม่เหมือนใคร .... ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร ที่พัก TRULLI HOLIDAY หรือเทียบเท่า วันที่แปดของการเดินทาง อัลเบโรเบลโล - ปอมเปอี - โรม เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองปอมเปอี (POMPEI) (325 กม.) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของคาบสมุทรอิตาลีบริเวณริมอ่าวเนเปิลส์ เมื่อ 2,000 กว่าปีก่อน ปอมเปอีเป็นเมืองเก่าที่เจริญรุ่งเรืองอย่างมาก ในยุคก่อนคริสต์ศักราชเมืองปอมเปอีนี้อยู่ภายใต้อิทธิพลของกรีกเรื่อยมา กระทั่งราว 80 ปีก่อนคริสต์ศักราชจึงถูกยึดครองเป็นอาณานิคมของอาณาจักรโรมัน เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร บ่าย นำท่าน ชมเมืองโบราณปอมเปอี ที่ถูกปกคลุมไว้ด้วยลาวาเมื่อครั้งเกิดการระเบิดครั้งใหญ่ของภูเขาไฟวิสุเวียส (MT.VESUVIUS) ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 622 ซึ่งลาวาที่ทับถมกันนั้นหนาถึง 6 – 7 เมตร ทำให้เมืองนี้หายไปทั่วเมือง ปัจจุบันมีการขุดค้นพบ 3 ใน 4 ส่วนของเมืองทั้งหมด จากการตั้งใจขุดค้นซากที่ค่อนข้างจะสมบูรณ์ของผู้คน สัตว์เลี้ยงต่างๆ ที่เหมือนถูกหยุดอยู่กับที่ ผ่านกาลเวลาอันยาวนาน ที่ยังบ่งบอกถึงความเจริญในยุคนั้นได้เป็นอย่างดีว่าเคยมีฐานะเป็นศูนย์กลางทางการค้าที่แน่นขนัดไปด้วยร้านค้าตลาดและห้องแถว สนามกีฬา โรงละคร วิหาร โรงอาบนํ้าสาธารณะ หอนางโลม โรงแรมหลังจากการขุดสำรวจ ภาพชีวิตของชาวโรมันกว่าสองพันปีได้ปรากฏแก่สาธารณะชน เชิญสัมผัสได้ถึงชีวิตที่หรูหราในปอมเปอี และพลังอำนาจของธรรมชาติ ที่ไม่มีใครคาดคิดและไม่อาจหลีกหนีได้ทัน ด้วยความมหัศจรรย์ของปอมเปอีทำให้เมืองแห่งนี้ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก เมื่อปี 1997 นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของประเทศอิตาลี ที่มีผู้มาเยือนมากกว่า 2 ล้านคนต่อปี...นำท่านเดินทางสู่ กรุงโรม (ROME) (245 กม.)... ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม ที่พัก NH HOTEL หรือเทียบเท่า วันที่เก้าของการเดินทาง โรม - ดูไบ - ประเทศไทย เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม นำท่านเข้าสู่ นครวาติกัน รัฐอิสระที่ปกครองตนเอง เป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก เข้าชมความงดงามตระการตาของ มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ สถาปัตยกรรมล้ำค่าที่สุดแห่งหนึ่งของโลกซึ่งตกแต่งอย่างโอ่อ่าหรูหรา ชมรูปปั้นแกะสลัก เพียต้า ผลงานของศิลปินเอก ไมเคิลแองเจโล เสาพลับพลาที่ออกแบบโดย เบอร์นินี และยอดโดมขนาดใหญ่ซึ่งปัจจุบันเป็นสิ่งล้ำค่าคู่บ้านคู่เมืองของอิตาลี จากนั้นถ่ายรูปที่ระลึกด้านหน้าสนามกีฬาโคลอสเซียม โบราณสถานเก่าแก่ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก เคยเป็นสนามกีฬายักษ์ที่สามารถจุคนได้กว่า 50,000 คน และ ประตูชัยคอนสแตนติน สัญลักษณ์แห่งชัยชนะและที่มาของถนนทุกสายมุ่งสู่กรุงโรม ชม น้ำพุเทรวี่ จุดกำเนิดของเสียงเพลง ทรีคอยน์ออฟเดอร์ฟาวด์เท่น ที่โด่งดัง ชมความสวยงามของงานประติมากรรมหินอ่อนแบบบาร็อค ซึ่งเป็นเรื่องราวของเทพมหาสมุทร ตามตำนานกล่าวไว้ว่าหากใครได้มาถึงน้ำพุแห่งนี้แล้วโยนเหรียญอธิษฐานทิ้งไว้จะได้กลับมาเยือนกรุงโรมอีกครั้งหนึ่ง เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร บ่าย นำท่านสู่ ย่านบันไดสเปน แหล่งพักผ่อน ของชาวอิตาลีซึ่งเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวหลากหลายเชื้อชาติ...อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมกันอย่างเต็มที่ อิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย....จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ สนามบินกรุงโรม เพื่อเดินทางกลับสู่ ประเทศไทย 20:50 น. (เวลาท้องถิ่น) ออกเดินทางกลับสู่ ประเทศไทย โดย สายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK96/EK372 *.*.*. เปลี่ยนเครื่องที่เมืองดูไบ : 0530-0930*.*.*. วันที่สิบของการเดินทาง ประเทศไทย 18:40 น. (เวลาท้องถิ่น) เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ….. ********** หมายเหตุ กำหนดการเดินทางอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้เพื่อความเหมาะสม ทั้งนี้ทางบริษัทฯ จะยึดถือความปลอดภัย ตลอดจนผลประโยชน์ของคณะผู้เดินทางเป็นสำคัญ |
Copyright © 2003 eTravelWay.com All rights reserved โดย บริษัททัวร์ วีอาร์ เอนซี ทราเวล แอนด์ เทรด จำกัด |
ติดตามข่าวสารโปรโมชั่นดีดี
@etravelway
รับโปรโมชั่นดีดี
เฉพาะคอทัวร์โปรไฟไหม้
ทัวร์ถูกคุณภาพคุ้มค่า
ทัวร์หลุดจอง
@etravelway.fire
เฉพาะคอทัวร์โปรไฟไหม้
fb.me/etravelway
สอบถามทาง Facebook