เปิดทำการ จ - ศ : 08.30 - 22.00 น. ส - อา : 09.00 - 22.00 น.
eTravelWay.com logo
Add Friend Add Friend
ติดตามข่าวสารโปรโมชั่นดีดี

เพิ่มเพื่อน LINE รับข่าวสาร โปรโมชั่น
@etravelway

รับโปรโมชั่นดีดี
Add Friend
เฉพาะคอทัวร์โปรไฟไหม้
ทัวร์ถูกคุณภาพคุ้มค่า
ทัวร์หลุดจอง
เพิ่มเพื่อน LINE ทัวร์ไฟไหม้
@etravelway.fire

เฉพาะคอทัวร์โปรไฟไหม้
แชทผ่าน Facebook ติดต่อผ่าน Facebook
fb.me/etravelway

สอบถามทาง Facebook
เดินทางโดย : TG-การบินไทย
โรงแรม : 4 ดาว & 5 ดาว |  จำนวนวัน : 9 วัน 7 คืน
Blooming ฤดูกาลดอกเชอรี่บานหุบเขาฮุนซ่า : อิสลามาบัด - ชีลาส - ฮุนซ่า - กิลกิต - บิสชาม - ตักศิลา- เส้นทางคาราโครัมไฮเวย์ - ยอดเขาดุลเคอร์ - หุบเขานากา

กรุงเทพฯ(สนามบินสุวรรณภูมิ) - สนามบินอิสลามาบัด - เข้าที่พัก
เมืองอิสลามาบัด - เส้นทางคาราโครัมไฮเวย์ - ชายแดนปากีสถาน, จีน - ผ่านหมู่บ้านของชาว Gostani
ชีลาส - เมืองคาริมาบัด (Karimabad) - หุบเขาฮุนซ่า (Hunza Valley)
คารีมาบัด - ล่องเรือชมทะเลสาบอัตตาบัด - ด่านกุนจีราบ - คารีมาบัด - ช่องเขาคุนจีราบและอุทยานแห่งชาติ - สะพานแขวนโกจาว
คารีมาบัด - ฮอปเปอร์กราเซีย - ดุยเกอร์
ดุยเกอร์ - ฮุนซ่า - Altit Fort -เมืองกิลกิต - สะพานแขวนกิลกิต
เมืองกิลกิต - เมืองบีสชาม
บีสชาม - ชมเมืองโบราณตักศิลา - พิพิธภัณฑ์ตักศิลา - อิสลามาบัด - มัสยิดไฟซาล - สนามบินอิสลามาบัค
/กรุงเทพฯ(สนามบินสุวรรณภูมิ)
เนื่องจากเป็นตั๋วเครื่องบินเป็นแบบหมู่คณะ ไม่สามารถ Refund ได้ทุกกรณีตามเงื่อนไขที่สายการบินกำหนด
ไม่รวม ค่าทิปไกด์ ท้องถิ่น และคนขับรถ และคนที่มาบริการ ตลอดทริป 50 เหรียญรวมตลอดการเดินทาง - ค่าทิปหัวหน้าทัวร์ ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของท่าน - ค่าภาษีน้ำมัน ที่สายการบินเรียกเก็บเพิ่ม ภายหลังจากทางบริษัทฯได้ออกตั๋วเครื่องบินไปแล้ว
เดินทาง :
รายการนี้ยังไม่มีพีเรียดเดินทาง
Download PDF

ปากีสถาน 9 วัน 7 คืน

ความพิเศษ..ของทริปนี้ คือ ฤดูกาลชมดอกเชอรี่บาน

..สวยที่สุด และปีนึงบานเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น

โดยสายการบินไทย

ทริปนี้...ท่านจะได้สัมผัสวิวที่งดงาม ผู้คนที่น่ารักเน้นเที่ยวถ่ายภาพ แวะจอดถ่ายรูปตามจุดที่สวยงาม…คาราโครัม ไฮเวย์

(Karakoram highway) เส้นทางในฝันของนักเดินทางมืออาชีพ

รายการท่องเที่ยว

วันที่-1

กรุงเทพฯ - อิสลามาบัด

x

x

x

16.00 น.” คณะพร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตู 4 หรือ 5 เคาน์เตอร์ การบินไทย พบเจ้าหน้าที่บริษัทคอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกเรื่องสัมภาระและเอกสารการเดินทางแก่ท่าน

19.00น. ñออกเดินทางจาก กรุงเทพฯ สู่กรงอิสลามาบัด โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 349 

(บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)

 22.10 น.เดินทางถึง อิสลามาบัด (Islamabad) เวลาท้องถิ่น (ช้ากว่าไทย 2 ชั่วโมง) หลังจากผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองตามเวลาท้องถิ่นปากีสถาน นำท่านเดินทางสู่โรงแรม…

(คืนที่ 1 )พัก Ramada by Wyndham Islamabad หรือเทียบเท่า

“ประเทศปากีสถาน” เป็นประเทศที่หลายคนทั่วโลกรู้จักกันเป็นอย่างดี แต่มีหลายคนที่ยังไม่เข้าใจเหมือนกันที่

คนทั่วโลกมักจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับปากีสถาน....

  • คนที่อยู่ในปากีสถานและประเทศเพื่อนบ้านไม่ได้พูดภาษาอาหรับ....
  • คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าปากีสถานอยู่ในตะวันออกกลาง ...ปากีสถานไม่ได้อยู่ในตะวันออกกลาง......
  • ปากีสถานใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการมานานกว่า 67 ปีแล้ ว.....
  • คิดว่าปากีสถานมีภูมิประเทศเป็นทะเลทรายเหมือนกับซาอุดิอาระเบีย ....ปากีสถานไม่ได้เป็นทะเลทราย
  • ปากีสถานไม่ได้เป็นผู้ก่อการร้ายเสมอไป....ปากีสถานเต็มไปด้วยนักสู้สตรี…
  • เมืองหลวงอิสลามาบัด. สร้างขึ้นในคริสต์ทศวรรษ 1960 ...แทนนครการาจี

วันที่-2

อิสลามาบัด - ชีลาส เริ่มต้นเส้นทางหลางคาราโครัม ไฮเวย์

B

L

D

06.30 น. äบริการอาหารเช้า ณ โรงแรม

จากนั้น เดินทางไปยัง เมืองชีลาส (Chilas) ระยะทาง 470 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 9 ชั่วโมง (นั่งรถนานแต่เราจะแวะเที่ยวระหว่างทางไปเรื่อยๆ) เป็นเมืองเล็กๆริมทางหลวง คาราโครัม เชิงเทือกเขา Nanga Parbat ซึ่งตั้งตระหง่านเป็นกำแพงต้านลมให้กับเมือง

คาราโครัมไฮเวย์ “The Karakoram Highway” (8 th wonder of the world) “คาราโครัม ไฮเวย์”เป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างประเทศจีนกับประเทศปากีสถาน เป็นระยะทางยาวจนต้องบันทึกในประวัติศาสตร์โลก จากเมืองแอบบอตดาบัดของปากีสถานผ่านภูมิภาคตอนเหนือของประเทศจนถึงคุนจีราฟพาส ซึ่งเป็นพาสชายแดนระหว่างประเทศที่สูงที่สุดในโลกอีกด้วย (สูง 4700 เมตรจากน้ำทะเล) แล้วจึงเชื่อมต่อออกไปอีกจน กระทั่งถึงเมืองคัชการ์ของประเทศจีน รวมแล้วมีความยาวประมาณ 1300 กิโลเมตรโดยใช้วิศวกรและกำลังคนบางส่วนจากประเทศจีนร่วมมือช่วยเหลือกันกับแรงงานฝั่งประเทศปากีสถาน

 เที่ยง äรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

 บ่าย เดินทางต่อ สู่เมืองชีลาสบนเส้นทาง ผ่านไหล่เขา โค้งสวยงาม ผ่านหมู่บ้านของชาว Gostani ที่อาศัยอยู่เรียบ แม่น้ำสินธุ (Indus River) แม่น้ำสายสำคัญในประวัติศาสตร์ของโลก ต้นกำเนิดของอารยธรรมต่างๆ ในเอเชียใต้ล้วนเกิดขึ้นบนที่ราบลุ่มแม่น้ำสายนี้ ระหว่างทางที่จะถึงปลายทางเมืองชีลาส แวะถ่ายจุดชมวิระหว่างกันไป..ตามจุดต่างๆ และเดินทางต่อไปยัง ชีลาส (Chilas) เมืองชีลาสถือเป็นเมืองผ่านสำหรับพักก่อนจะเริ่มการเดินทางท่องเที่ยวอย่างแท้จริงในวันรุ่งขึ้น

ค่ำäบริการอาหารค่ำ ณ โรงแรม และอิสระตามอัธยาศัย

ที่พักโรงแรม Chilas Shangri La หรือเทียบเท่า (คืนที่ 2)

เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับเมืองนี้ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องผ่านไปเมืองต่อไป

วันที่-3

ชีลาส - เมืองคาริมาบัด (Karimabad) - หุบเขาฮุนซ่า (Hunza Valley)

B

L

D

เช้า äบริการอาหารเช้า ณ โรงแรม

จากนั้น นำท่านเดินทางสู่เมืองคาริมาบัด (Karimabad) ระยะทาง 217 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมง (นั่งรถแวะเที่ยวระหว่างทางเหมือนเดิม)ที่ตั้งแห่งหุบเขาฮุนซ่า(Hunza)ใช้บนคาราโครัมไฮเวย์ ท่านจะได้รับความเพลิดเพลินชมทัศนียภาพของเส้นทางหลวงคาราโครัม ตลอดเส้นทาง

ระหว่างทาง แวะถ่ายภาพจุดชมวิวทาลิชิ Thalichi เพื่อชมความสวยงามของภูเขาทั้งสามลูก นันกาพาบัด Nanga Parbat , ราคาโปชิ Rakaposhi และ และฮาราโมช Haramosh

เที่ยง äรับประทานอาหารกลางวัน

ระหว่างทาง แวะจุดคาริมาบัดชมวิวราคาโปชิ (Rakaposhi View Point) เพื่อชมบรรยากาศยอดเขาและความงดงามของยอดเขาราคาโปชิอย่างใกล้ชิดจนรู้สึกเหมือนจะสัมผัสได้ยอดเขาแห่งนี้ถูกจัดความสูงอยู่ในอันดับที่ 27 ของโลก ระหว่างทางวิวสวยงามอลังการ

จากนั้นเดินทางต่อ...ท่านจะได้รับความเพลิดเพลินชมทัศนียภาพของเส้นทางหลวงคาราโครัมไฮเวย์

แวะ จุดบรรจบของเทือกเขา 3 เทือกที่ได้ชื่อว่าสูงที่สุดในโลก คือเทือกเขาฮินดูกูช เทือกเขาหิมาลัย และเทือกเขาคาราโครัม และยังเป็นจุดบรรจบของแม่น้ำ 2 สาย คือแม่น้ำกิลกิต (Gilgit River) และแม่น้ำสินธุไหลมาบรรจบกันก่อเกิดเป็นแม่น้ำสินธุ.....จากนั้นเดินทางไปจนถึงเมืองคาริมาบัด

ค่ำäบริการอาหารค่ำ ณ โรงแรม และอิสระตามอัธยาศัย

คืนที่ 3 Hunza Darbar Hotel หรือเทียบเท่า

วันที่-4

คารีมาบัด - ด่านกุนจีราบ – คารีมาบัด

B

L

D

06.30 น. äบริการอาหารเช้า ณ โรงแรม

07.30 น.นำท่านเดินทางไปช่องเขาคุนจีราบ(Khunjerab Pass ) ระยะทาง 171 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง วันนี้เราจะขึ้นไปที่คุนจิราบพาสความสูงระดับ 4,693 เมตร จากระดับน้ำทะเล.เป็นจุดยุทธศาสตร์บนพรมแดนตอนเหนือของประเทศปากีสถาน ใส่เสื้อกันหนาวหนาๆ ตลอดเส้นทาง (สวยมากกก) เป็นเทือกเขาหิมะสลับซับซ้อนบรรยากาศราวสวิสเซอร์แลนด์..ช่องเขาคุนจีราบ (Khunjerab Pass) ซึ่งตั้งอยู่ในช่วงเขตพรมแดนระหว่างปากีสถานและจีน จุดบรรจบแห่งอารยธรรมโบราณบนเส้นทางสายไหมที่เชื่อมเอเชียกลางสู่ยุโรปและสามารถพบเห็นสัตว์หายาก เช่นตัว Ibex หรือ แพะภูเขา Yak ที่อาศัยอยู่ตามไหล่เขาสูง จนถึงจุดสุดท้ายที่ด่านชาย แดนระหว่าง ปากีสถาน และ จีน ก่อนที่จะออกไปยังประเทศจีนบนเส้นทางสายไหมที่ซินเกียง

ระหว่างทาง แวะชมทะเลสาบอัตตาบัด ( Attabad Lake) ทะเลสาบใส น้ำนิ่ง เป็นกระจก ไล่แพนโทนสีน้ำเงินหลายเฉด ซึ่งทะเลสาบแห่งนี้เกิดจากน้ำฝนขังหลังเกิดแผ่นดินไหว เมื่อปี 2009 ลงมากั้นแม่น้ำฮุนซ่า จนกลายเป็นทะเลสาบสีเทอควอยส์แบบนี้ ซึ่งทะเลสาบนี้มีความยาว 21 เมตร และความลึก 103 เมตร ตรงสีขาวๆ คือ ส่วนที่ดินถล่มลงมาปิดกั้นถนน แล้วทำให้เกิดเป็นเขื่อนเล็กๆ ขึ้นมาจากเมื่อก่อนที่สามารถขับรถข้ามจากเมืองฮุนซ่าไปพัสสุได้ ตอนนี้ต้องเปลี่ยนมานั่งเรือแทน..

นำท่านล่องเรือชมความงดงามมองเห็นวิวทิวทัศน์ในทะเลสาบที่ ล้อมรอบไปด้วยน้ำทะเลสีฟ้าสะอาดภูเขาสูงที่สวยงาม เก็บภาพรัวๆๆ ..ได้เวลาอันสมควรเดินทางต่อ

ระหว่างทาง ผ่าน เมืองพาสสุ (Passu) แวะถ่ายรูปธารน้ำแข็งที่ไหลเลื่อนมาจนติดถนนหลวง ยอดเขาหิมะและภูเขาสูงรูปทรงแปลกตามากมาย ป่าเปลี่ยนสี นาขั้นบันได บ้านเรือนของชาวกุลมิต พร้อมสูดอากาศบริสุทธิ์ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบดั่งดินแดนเทพนิยายบนสรรค์ ให้ทุกท่านเก็บภาพถ่ายวิวสวยๆ กับภาพนี้ฟินสุดๆๆตลอด “ทางหลวงคาราโครัม” เราไม่เพียงจะได้เห็นหิมะบนยอดเขาสูง เห็นกลาเซียร์ยาวเหยียด เห็นใบไม้ผลิเห็นดอกเชอร์รีบานเบ่ง แต่ยังเห็นเส้นทางสายไหมเส้นเก่าอยู่ไม่ไกลออกไป เห็นอยู่บ่อยๆ คาดว่ามาร์โคโปโลเคยเดินบนเส้นทางเหล่านั้นจริงๆ เมื่อเกือบพันปีที่แล้ว

จากนั้น นำท่านเดินทางต่อสู่เมืองซอสท์ (Sost) สู่ช่องเขาคุนจีราบและอุทยานแห่งชาติ(Khunjerab Pass and National Park ) ซึ่งตั้งอยู่ในช่วงเขตพรมแดนระหว่างปากีสถานและจีน

เที่ยง äบริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

จากนั้น ออกเดินทางต่อไป ด่านพรมแดนกุนจีราบ (Khunjerab Pass) ในช่วงเขตรอยต่อระหว่างปากีสถานและจีน เป็นที่ตั้ง ด่านพรมแดนกุนจีราบ ด่านพรมแดนที่สูงที่สุดในโลก ด้วยความสูง 4,730 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งเป็นจุดที่มีความสูงที่สุดบนถนนหลวงลอยฟ้าคาราโครัม พรมแดนช่องเขากุนจีราบนี้เปิดให้มีการเดินทางข้ามแดนได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 1986 เป็นต้นมา โดยช่องเขากุนจีราบนี้ตั้งอยู่เขต อุทยานแห่งชาติกุนจีราบ (Khunjerab National Park) เขตอนุรักษ์พืชพันธุ์ไม้ป่า รวมทั้งสัตว์ป่าสงวนหาดูยาก เช่น แกะมาร์โคโปโล แพะภูเขา เสือดาวหิมะ เป็นต้น..ให้ทุกท่านเก็บภาพถ่ายวิวสวยๆกับ ชายแดนจีน – ปากีสถาน สร้างประวัติศาสตร์ให้ตัวท่านเองว่าได้มายืนอยู่ ณ เส้นทางประวัติศาสตร์โลก ลงมาเล่นหิมะกันจนหนำใจบนบรรยากาศเย็นฉํ่า จนได้เวลานัดหมายนำท่านเดินทางสู่เมืองฮุ่นซ่า

 (หมายเหตุ: การขึ้นสู่จุดด่านพรมแดนคุนจีราบ และอุทยานแห่งชาติขึ้นอยู่กับสภาพอากาศวันนั้นด้วยเช่นกัน บริษัทฯของสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนรายการตามความเหมาะสม)

ระหว่างทาง นำท่านชม สะพานแขวนโกจาว(Gojal Suspension Bridge) สะพานที่ใช้ข้ามแม่น้ำของคนท้องถิ่นชม ทะเลสาบบอริท (Borit Lake) ทะเลสาบน้ำจึดสีเขียวใสที่หลบซ่อนตัวอยู่อย่างสงบท่ามกลางหุบเขาสวยผ่านหมู่บ้านกุลมิท (Gulmit Village) นำท่านเดินชม หมู่บ้านเล็กๆ แล้วท่านจะประทับใจกับเสน่ห์ของพวกเค้า ณ ที่นื้อิสระให้ท่านถ่ายภาพและชมวิถีชีวิตของชาวบ้านที่ใช้ชีวิตประจำวันบริเวณไกล้เคียง

จนถึงเวลานัดหมาย…เดินทางกลับสู่หุบเขาฮุนซ่า

ค่ำäบริการอาหารค่ำ ณ โรงแรม และอิสระตามอัธยาศัย

คืนที่ 4 Hunza Darbar Hotel หรือเทียบเท่า

วันที่-5

คารีมาบัด - ฮอปเปอร์กราเซีย - ดุยเกอร์

B

L

D

เช้า äบริการอาหารเช้า ณ โรงแรม

จากนั้น นำท่านเดินทาง หุบเขานากา (Nagar Valley) ระยะทาง 22 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง เราจะเปลี่ยนเป็นรถจี๊ปเล็กในฮอปเปอร์วัลเล่ย์ Hoper Valley หุบเขานากาเคยเป็นเมืองหลวงของอดีตรัฐนากาในอดีตเคยเป็นรัฐที่ปกครองพื้นที่โดยรอบยาวนานถึง1,200 ปี จนกระทั่งล่มสลายลงใน ค.ศ.1974 เป็นสถานที่นิยมสำหรับชื่นชมทัศนียภาพของยอดเขาโดยรอบทั้งยอดเขา ราคาโปชิ Rakaposhi ยอดเขาดิราน Diran และอื่น ๆ กว่า 30 ยอดเขาและ Hoper Valley เป็นจุดชมวิวอันสวยงามจุดนึงของหุบเขานากา* *วันนี้แนะนำว่านำปากกา ขนม ไปแจกเด็ก ถ่ายรูปกับเด็กๆ แล้วจะรู้ว่าเด็กๆที่นี่นั้นน่ารักขนาดไหน ชม กราเซียฮอปความ โดดเด่นของกราเซียฮอปเปอร์จะมีสีดำแบบใกล้ชิดเลยทีเดียว ท่านจะได้เห็นกราเซียที่สั่งสม กาลเวลายาวนานจนแทบเปลี่ยน จากน้ำแข็งกลายเป็นหินซึ่งเห็นได้จากความเก่าแก่สีออกเทาของกราเซียแห่งนี้ ...ได้เวลาอันสมควรเดินทางกลับคารีมาบัดและใช้รถคันเดิมของเรา

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

จากนั้น นำท่านชมป้อมโบราณป้อมบัลติท (Baltit Fort) สัญลักษณ์ของหุบเขาฮุนซ่า เป็นที่อยู่ในอดีตของเหล่าผู้ปกครองฮุนซ่าที่มีอายุประมาณ 700 ปี แต่ได้มีการบูรณะ ซ่อมแซมเสมอมา ทั้ง สถาปัตยกรรมแบบ บัลติสถานผสมผสานกับทิเบต และในปัจจุบันบัลติตฟอร์ดยังอยู่ในรายชื่อพิจารณาเป็นมรดกโลกของ UNESCO อีกด้วย

อิสระให้ท่านได้ซื้อสินค้าพื้นเมืองตามอัธยาศัย หรือสำหรับท่านที่ชอบถ่ายรูป ที่คาริมาบัดก็มีวิวที่สวยงามมากมาย ท่านจะได้เห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของนาขั้นบันไดซึ่งโอบล้อมด้วยหุบเขาสูงยอดแหลมปกคลุมไปด้วยหิมะ ด้านล่างเป็นแม่น้ำใส กลุ่มบ้านเมืองปลูกกันลดหลั่นตามไหล่สันเขา ดอกไม้ป่าขึ้นกระจายแซมทั่วบริเวณในช่วง ฤดูใบไม้ผลิ สภาพแวดล้อมที่งดงามมาก..

ค่ำäบริการอาหารค่ำ ณ โรงแรม และอิสระตามอัธยาศัย

คืนที่ 5 พักที่โรงแรมEagle Nest Duiker หรือเทียบเท่า

วันที่-6

ดุยเกอร์-ฮุนซ่า- Altit Fort -เมืองกิลกิต

B

L

D

เช้าตรู่ ชมยอดเขา เลดี้ฟิงเกอร์ (Lady finger)หรือ ยอดเขาทะลุทะเลเมฆ ยอดเขารูปทรงประหลาด สะกดทุกสายตาที่ได้พบเห็นตื่นเช้ามาด้วยความสดชื่นท่ามกลางบรรยากาศยามเช้าของหุบเขากลางเทือกเขาหิมาลัย ชมแสงแรกของพระอาทิตย์ขึ้นเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง ให้ท่านได้เก็บภาพบรรยากาศแสงพระอาทิตย์กระทบยอดเขาหิมะ ชมทัศนียภาพของหมู่บ้าน ฮุนช่า ที่อยู่เบื้องล่าง สีชมพูขาว มีแม่นํ้าฮุนช่าขนาบรายล้อมด้วยยอดเขาสูงเสียด ฟ้าตระหง่าน โดยรอบโดย ณ จุดนี้ท่านจะได้เห็นยอดเขาที่มีรูปร่างโดดเด่นแปลกตาที่เรียกว่า Lady finger รวมทั้งได้เห็นยอดเขาระดับโลกถึงห้าเขาด้วยกัน ทั้ง Rakaposhi, Diran, Golden Peak,Ulter Peak และ Mountain Peak ชมทัศนียภาพโดยรอบโดย ณ จุดนี้ท่านจะได้เห็นยอดเขาที่มีรูปร่างโดดเด่นแปลกตา จนถูกขนานนามว่างามเหมือน นิ้วมือของหญิงสาว หรือ Lady finger ..

เช้า äบริการอาหารเช้า ณ โรงแรม

จากนั้น นำท่าน ชม HUNZA VALLEY BLOSSOM..ฤดูใบไม้ผลิบานสะพรั่งในหุบเขา Hunza ถือเป็นฤดูกาลที่สวยงามช่วงหนึ่งในบรรดาสี่ฤดูกาล เราสามารถพบเห็นดอกไม้สีขาวบนต้นไม้ทั่วไปได้เกือบทั้งหมด แต่โดยเฉพาะบนต้นแอปริคอท นักท่องเที่ยวมาที่นี่เพื่อสัมผัสธรรมชาติที่สวยงาม สงบ และบริสุทธิ์ บางครั้งผู้คนรู้สึกว่าพวกเขามาถึงสถานที่ที่นางฟ้าอาศัยอยู่ และเป็นเพราะความจริงที่ว่าดอกไม้สีขาวสามารถพบเห็นได้ทุกที่ ฤดูดอกซากุระบานเป็นการเฉลิมฉลองโดยชาวญี่ปุ่นตามชื่อดั้งเดิม Skura Hunza Nagar มีชื่อเสียงในเรื่องฤดูดอกซากุระบาน เนื่องจากเป็นช่วงที่ซากุระบานมากที่สุด.

นำท่านชม Altit Fort เป็นป้อมปราการโบราณในหุบเขาฮุ่นซ่าเดิมเป็นบ้านของผู้ปกครองในตระกูล Hunza ซึ่งได้รับฉายาว่า Mir แม้ว่าพวกเค้าจะย้ายไปอยู่ที่ป้อม Baltit ที่อายุน้อยกว่าในอีก 3ศตวรรษต่อมา ผ่านชมหมู่บ้านอายุกว่า 1,000 ปี ชนเผ่าที่มีอายุยืนมากที่สุดในโลก ซึ่งถือได้ว่าเป็นชุมชนแรกๆ ในแคว้นกิลกิต- บัลติสถาน ลักษณะโดยทั่วไปจะเป็นคนผิวขาวมีในตาสีฟ้า หน้าคม เหมือนคนชาวยุโรป เพราะเป็นลูกหลานของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่กรีฑาทัพไปตีชมพูทวีป เมื่อประมาณ 326 ปีก่อนคริสตกาล...อายุของพวกเขามากกว่าสตรีชาวญี่ปุ่นที่ได้ชื่อว่าเป็นหญิงที่มีอายุยืนมากที่สุดในโลกที่เพิ่งจะเสียชีวิตไปขณะที่มีอายุ 117 ปี แต่กล่าวกันว่า ชนเผ่าฮุนซาสามีอายุถึง 120 หรือ 130 ปี ซึ่งอายุขนาดนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แ ละชาวฮุนซาสที่มีอายุ 90ปีก็ยังไม่ถือว่าแก่...

จากนั้น ออกเดินทางสู่ เมืองกิลกิต (Gilgit) ระยะทาง 100 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง บนเส้นทางคาราโครัม ไฮเวย์ เรียบไปตามแม่น้ำสินธุ ชมความงามตามเส้นทางที่มีน้ำตกสายเล็กๆ อันเกิดจากหิมะ และกราเซียละลาย เมืองกิลกิต หัวเมืองหลักของ ภูมิภาค Gilgit - Baltistan เป็นเมืองที่อยู่ทางตอนเหนือของปากีสถาน เป็นเมืองสำคัญเมืองหนึ่งบนเส้นทางสายไหมในอดีตที่พุทธศาสนาเผยแผ่มาจากเอเชียใต้ และ เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางคาราโครัมไฮเวย์ จุดเริ่มแห่งการเดินทาง trekking Himalayan ranges และ จุดเริ่มต้นของการท่องเทียว เส้นทางสู่ ชายแดนปากีสถาน - จีน ที่ราบสูง คุนจีราบ

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

จากนั้น นำท่านชม “พระพุทธรูปคาร์กาห์” (Kargah Buddha) มรดกแห่งพุทธศาสนาที่ยังคงเหลืออยู่ใน “ปากีสถาน” พระพุทธรูปที่ถูกแกะสลักไว้บนหน้าผา ในหุบเขาคารกาห์ (Kargah Valley) ในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 7 ถูกคนพบพร้อมกับเจดีย์ 3 องค์ซึ่งสูง 400 เมตรในช่วงปี ค.ศ.1938-1939 เคยตำนานที่เกี่ยวกับพระพุทธรูปแกะสลักคาร์กาห์นี้ที่ถูกเล่าขานโดยชาวบ้านในท้องถิ่น ตามตำนานระบุว่า กาลครั้งหนึ่ง บริเวณแถบนี้เป็นที่อยู่ของยักษ์กินคนนางหนึ่ง ที่เรียกกันว่า “ยักษิณี” (Yakhsni) ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากยักษ์ตนนี้ได้ร้องขอความช่วยเหลือจากนักบวชที่ผ่านทาง และนักบวชก็ได้ตรึงนางยักษิณีตนนี้ไว้ที่ก้อนหิน จากนั้นพาเดินชมตัวเมืองกิลกิตผ่านย่านร้านค้า ตลาดไปรษณีย์ สุเหร่า รวมทั้งสนามแข่งโปโล ที่เป็นกีฬาที่นิยมมากในทางเหนือของปากีสถาน กิลกิตเป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนเชิงเขาคาราโครัม ชม สะพานแขวนกิลกิต (Gilgit Suspension Bridge) ซึ่งเป็นสะพานแขวนในสมัยโบราณที่ยังคงใช้งานอยู่ในปัจจุบัน เป็นสะพานแขวนที่รถสามารถวิ่งผ่านได้ สร้างโดยกองทัพอังกฤษในช่วงค.ศ.ที่ 19

ค่ำäบริการอาหารค่ำ ณ โรงแรม และอิสระตามอัธยาศัย

คืนที่ 6 พักที่โรงแรมSerena Gilgit 5* หรือเทียบเท่า

วันที่-7

เมืองกิลกิต – เมืองบีสชาม

B

L

D

เช้า äบริการอาหารเช้า ณ โรงแรม

จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ เมืองบีสชาม (Besham)  (ประมาณ 7 ชม.) เป็นเมืองเล็กๆ ริมทางหลวงคาราโครัมอันโด่งดัง Besham เป็นจุดตลาดกลางสำหรับผู้คนจากทั่วเขต Kohistan และ Shangla ในฤดูร้อน เมืองนี้ยังเป็นศูนย์กลางของนักท่องเที่ยวทั้งในระดับนานาชาติและระดับประเทศที่แวะมาที่นี่เพื่อเดินทางต่อไปยังพื้นที่ตอนเหนือของปากีสถาน....ตลอดเส้นทางระหว่าง ท่านจะได้ชื่นชมกับความงดงามของธรรมชาติที่ปรากฏบนเส้นทางสายนี้ ชมวิวระหว่างสองข้างทาง....ถนนที่สวยที่สุดในปากีสถาน จากภูมิประเทศอันเขียวชอุ่มไปจนถึงภูเขาสูงตระหง่าน มีถนนที่งดงามหลายสายในปากีสถานที่ใช้เป็นเส้นทางที่มีทิวทัศน์สวยงาม ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าบางครั้งการเดินทางก็มีความสำคัญมากกว่าจุดหมายปลายทางเสียอีก

“Pakistan as scenic routes, proving that sometimes the journey is, in fact, more significant than the destination itself.“

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย เดินทางต่อระหว่างทาง นำท่านแวะชม โขดหินจารึกภาพเขียนโบราณสมัยก่อนประวัติศาสตร์ของเมืองชีลาส ซึ่งโขดหินจารึกเหล่านี้จะปรากฏให้เห็นเป็นระยะตลอดเส้นทางสายไหม เส้นทางที่เคยมีพ่อค้าวาณิชมากมายและผู้แสวงบุญผ่านไปมา โดยที่เมืองชีลาสนี้ ถือเป็นจุดศูนย์รวมโขดหินจารึกภาพโบราณที่ยิ่งใหญ่ที่สุด มีการค้นพบหลักฐานมากกว่า 20,000 ชิ้นเกี่ยวกับศิลปะโบราณและภาพเขียนย้อนหลังไประหว่า 5,000 ถึง 1,000 ปี ก่อนคริสกาล

ออกเดินทางต่อไป จนถึงโรงแรมที่พักในตอนเย็น เมืองบีสชาม โดยใช้เส้นทางสายคาราโครัมไฮเวย์ (Karakoram Highway – KKH)

ค่ำäบริการอาหารค่ำ ณ โรงแรม และอิสระตามอัธยาศัย

คืนที่ 7 พักที่โรงแรมBesham Hilton หรือเทียบเท่า

วันที่-8

บีสชาม - ตักศิลา-อิสลามาบัด ñ กรงุเทพฯ

B

L

D

07.00 น. äบริการอาหารเช้า ณ โรง

08.00 น. นำท่านเดินทางสู่ เมืองตักศิลา (Taxila)ระยะทาง 221 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ช.ม.

เมืองตักศิลา มหานครแห่งปัญญา อดีตราชธานีอันยิ่งใหญ่แห่งแคว้นคันธาระอดีตเป็นนครหลวงแห่งแคว้นคันธาระ (Ghandara) เมืองมหาวิทยาลัย ศูนย์กลางการศึกษาศิลปะและวิทยาการแขนงต่าง ๆ ของอินเดียโบราณตั้งแต่ก่อนพุทธกาล ต่อมาเมื่อ พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช รุกรานอินเดียเมื่อ 326 ปีก่อนคริสตกาล ได้มาหยุดพักที่เมืองนี้แล้วเปลี่ยนชื่อเป็นตักศิลาจนถึงปัจจุบัน อดีตเมืองมหาวิทยาลัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชมพูทวีป 

จากนั้นนำท่านเยี่ยมชมเมืองโบราณตักศิลา(Taxila) และซากพุทธสถานโบราณ เยื่ยมชม เจดีย์ธรรมราชิกา (Dharmarajika) ซึ่งมีเจดีย์ทรงระฆังคว่ำขนาดใหญ่เป็นศูนย์กลาง สร้างโดยพระเจ้าอโศกมหาราชเมื่อประมาณปี ค.ศ. 3-5 ล้อมรอบด้วยเจดีย์รายอีกนับร้อยองค์ กุฎิพระสงฆ์ และอาคารในลักษณะของชุมชนชาวพุทธขนาดใหญ่ที่สุด ทว่าปัจจุบันสิ่งเหล่านี้เหลือเพียงฐานราก เยี่ยมชม วัดจูเลี่ยน (Jaulian Monastery) ซึ่งรุ่งเรืองมากในช่วงปี ค.ศ. 2-5 เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนยอดเขาสูง 92 เมตร เพื่อให้ห่างไกลจากการรบกวนของเรื่องวุ่นวายทางโลก เป็นวัดที่มีสภาพสมบูรณ์ที่สุดรอดจากการทำลายโดยพวกฮั่น ยังเห็นลายแกะสลักหินและลายปูนปั้นอันชัดเจน โดยเฉพาะรูปพระพุทธเจ้าปางต่างๆ พระพักตร์ยังงดงามอิ่มเอิบ ประทับขนาบด้วยเสาโรมันแบบโครินเธียนแท้ๆ สะท้อนถึงแก่นของศิลปะคันธาระที่ต้องนำความเป็นกรีกเข้ามาผสมด้วยเสมอ 

นำท่านชม พิพิธภัณฑ์ตักศิลา (Taxila Museum) พิพิธภัณฑ์สมบัติแห่งตักศิลามรดกทางวัฒนธรรมอันมั่งคั่งของเอเชียใต้งเปิดมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1928 สถานที่นำวัตถุโบราณที่ขุดพบในเมืองโบราณตักศิลามาจัดแสดงไว้ ทั้งประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของอนุทวีปโบราณ คอลเล็กชันสิ่งประดิษฐ์ และการจัดแสดงที่น่าประทับใจ ช่วยให้มองเห็นอดีตของเมืองได้อย่างน่าทึ่ง และความสำคัญของเมืองในฐานะศูนย์กลางของการเรียนรู้และวัฒนธรรม พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นข้อพิสูจน์ถึงมรดกอันยาวนานของตักศิลา .จากการขุดค้นของเซอร์จอห์น มาร์แชล (Sir John Marshall) นักโบราณคดีคนสำคัญผู้มาสำรวจตักศิลา แม้ว่าที่นี่จะเป็นพิพิธภัณฑ์เล็กๆ ชั้นเดียว แต่ภายในอัดแน่นด้วยโบราณวัตถุล้ำค่านับแสนชิ้น โดยเฉพาะรูปสลักและรูปปูนปั้นศิลปะคันธาระ เป็นภาพพระพุทธเจ้าในชาดกตอนต่างๆ ตั้งแต่ประสูติ ตรัสรูป ปฐมเทศนา และปรินิพพาน

เที่ยง äบริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย เดินทางต่อไปไปยัง อิสลามาบัด ระยะทาง 40 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ช.ม. เมืองหลวงของประเทศปากีสถาน สร้างขึ้นในคริสต์ทศวรรษ 1960 เพื่อเป็นเมืองหลวงของประเทศแทนนครการาจี เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศปากีสถานเป็นอันดับที่ 9 ส่วนมหานครอิสลามาบาด-รวัลปินดี

นำท่านชม มัสยิดไฟซาล (Faisal Mosque) ซึ่งเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย สร้างโดยกษัตริย์ไฟซาลแห่งราชวงศ์ซาอุดิอาระเบียใช้เงินงบประมาณ การสร้างสูงถึง 50 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ เปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อปี 1987 ออกแบบโดยชาวตุรกี หากมีเวลา นำท่านช้อปปิ้งสินค้าพื้นหรือของที่ระลึกของฝากก่อน...อำลาปากีสถาน

18.30 น. äบริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

20.00 น. เดินทางสู่สนามบิน อิสลามาบัค เช็คอิน เที่ยวบินที่ TG 350 ออกบินเวลา 23.20 ถึงกทม 06.25 

23.20 น. ñออกเดินทางจาก อิสลามาบัด โดยสายการบิน เที่ยวบินที่ TG350

วันที่-9

กรงุเทพฯ

-

-

-

06.25น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจ

{{{{{{{{{{{{{{{{{{{{{{

หมายเหตุ : เวลาที่ปรากฏในโปรแกรมกับการปฏิบัติจริงอาจแตกต่างกันเล็กน้อย ขอให้ท่านรับทราบคำแนะนำการเปลี่ยนแปลงการนัดหมายเวลาในการทำกิจกรรมอีกครั้งจากหัวหน้าทัวร์ บริษัทอาจทำการเปลี่ยนแปลงรายการ ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม แต่จะยึดผลประโยชน์ของลูกค้าเป็นสำคัญ

หน้าแรก | จองโรงแรม | ตั๋วเครื่องบินในประเทศ | ตั๋วเครื่องบินต่างประเทศ | ทัวร์ไทย | ทัวร์ไฟไหม้ | เรือสำราญ | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อเรา | นโยบายความเป็นส่วนตัว
Copyright © 2003 eTravelWay.com All rights reserved โดย บริษัททัวร์ วีอาร์ เอนซี ทราเวล แอนด์ เทรด จำกัด
ใบอนุญาตนำเที่ยวในและต่างประเทศเลขที่ 11/11450
facebook
tel
TOP