Tour

เส้นทาง สเปน - ฝรั่งเศส - อิตาลี - มอลตา 11 วัน 8 คืน

✅ พักฌิโรนา 1 คืน + พักบนเรือ 7 คืน ✅ มีหัวหน้าทัวร์ดูแลตลอดเส้นทาง

✅ รวมทิปแล้ว ✅ รวมเที่ยวทุกพอร์ต✅ รวมน้ำดื่มวันละ 1 ขวดทุกท่า

เพิ่ม! ฌิโรนา 1 วัน - บาร์เซโลนา - มาร์เซย - อาร์ลส์ - เจนัว

ปอร์โตฟิโน - เนเปิลส์ - ถ้ำประกายสีน้ำเงิน Blue Grotto - เมสซีนา

ทาโอร์มินา - นั่ง 4WD ขึ้นภูเขาไฟเอตนา - วัลเลตตา - เมดินา

เดินทาง วันที่ 10-20 เม.ย. / 1-11 พ.ค. 2567 เริ่มต้นท่านละ 139,900 บาท

-ตารางเวลาบินอาจมีการเปลี่ยนแปลงเวลาได้ ตามประกาศของสายการบิน-

19.00 น. หัวหน้าทัวร์รอต้อนรับที่ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ประตู 9 แถว U เคาน์เตอร์เช็กอินสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส (TK)

23.05 น. บินสู่ อิสตันบูล (ตุรเคีย) โดยเที่ยวบิน TK 69

05.15 น. ถึง สนามบินอิสตันบูล เพื่อแวะเปลี่ยนเครื่อง

07.40 น. บินสู่ บาร์เซโลนา (สเปน) โดยเที่ยวบิน TK 1853

10.15 น. ถึง สนามบินบาร์เซโลนา-แอล-แปรต

= ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร =

เดินทางสู่ เมืองฌิโรนา (Girona) หนึ่งในเมืองสำคัญของแคว้นคาตาลุญญา ที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน ในอดีตเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมัน ปัจจุบันเต็มไปด้วยบ้านเรือนหลากสีสันที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำออนญา (Onyar River) เมืองแห่งนี้เป็นสถานที่ถ่ายทำหลักของซีรีย์ชื่อดัง Game of Thrones ทำให้กลายเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก

กลางวัน รับประทานอาหาร ณ ร้านอาหารท้องถิ่น

บ่าย ท่องเที่ยวเมืองฌิโรนา

• แวะถ่ายรูป วิหารซานต้ามาเรียแห่งฌิโรนา (Cathedral of Santa Maria de Girona) โบสถ์โรมันคาทอลิกโบราณ ก่อสร้างตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 11 สไตล์โรมาเนสก์ มีการต่อเติมหลายยุคสมัย เช่น สไตล์กอทิกในช่วงศตวรรษที่ 13 และสไตล์บาโรกในช่วงต้นศตวรรษที่ 17 ก่อนจะเสร็จสิ้นเมื่อศตวรรษที่ 18 ทำให้เป็นหนึ่งในโบสถ์ที่ประกอบด้วยสถาปัตยกรรมหลากหลายที่มีความสวยงามอย่างลงตัว โบสถ์นี้เป็นหนึ่งในสถานที่ถ่ายทำซีรีย์ Game of Thrones, โบสถ์แห่งเซนต์เฟลิกส์ (Basilica de Sant Feliu) โบสถ์ที่มีขนาดใหญ่เป็นลำดับที่สองของเมืองฌิโรนา ก่อสร้างในช่วงศตวรรษที่ 12-17 ตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียงกับวิหารซานต้ามาเรีย, อาราม Monastery of Sant Pere de Galligants สำนักสงฆ์โบราณในศตวรรษที่ 10 ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนเป็น Girona Archaeological Museum, ถนน Bisbe Cartaña ถนนแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งในฉากของซีรีย์ Game of Thrones ในฉากที่อาร์ย่า สตาร์ค ต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่สูญเสียดวงตา, Pujada Sant Domenec ขั้นบันไดสไตล์บาโรก-นีโอคลาสสิก ใจกลางย่านเมืองเก่า ที่รายล้อมด้วยร้านอาหารและร้านค้าและยังเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ Perfume: Story of a Murderer

ค่ำ รับประทานอาหาร ณ ร้านอาหารท้องถิ่น

ที่พัก DoubleTree by Hilton Hotel Girona 4* หรือเทียบเท่า

เช้า รับประทานอาหาร ณ โรงแรมที่พัก

เดินทางกลับเมืองบาร์เซโลนา

• ชมเมืองบาร์เซโลนา เช่น มหาวิหารซากราดา แฟมิเลีย (Sagrada Familia) ผลงานการออกแบบสุดท้ายของ Antoni Gaud ที่มีความแปลกตาแต่ก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยสถาปัตยกรรมแบบอาร์ตนูโว ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะยังสร้างไม่เสร็จแต่ก็สวยงามจนไม่ควรพลาดไปเยี่ยมชม, สวนกูเอล (Guell park) สวนสาธารณะที่เป็นผลงานของ Antoni Gaud ด้วยสถาปัตยกรรมแบบอาร์ตนูโว รังสรรค์ประติมากรรมสวยๆ ด้วยกระเบื้องโมเสกนับล้านชิ้นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

กลางวัน รับประทานอาหาร ณ ร้านอาหารท้องถิ่น

14.00 น. เช็กอินขึ้น เรือสำราญ MSC WORLD EUROPA

18.00 น. เดินทางออกจากท่าเทียบเรือบาร์เซโลนา มุ่งหน้าสู่ท่าเรือมาร์เซย (ฝรั่งเศส)

ค่ำ รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ

ที่พัก MSC WORLD EUROPA

เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ

07.00 น. เรือจอดเทียบท่าที่ เมืองมาร์เซย (ฝรั่งเศส)

เดินทางสู่ เมืองอาร์ลส์ (Arles) อีกหนึ่งเมืองประวัติศาสตร์โบราณที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโรน (Rhone River) ในจังหวัดบูช-ดูว์-โรน (Bouches-du-Rhône) ของแคว้นพรอว็องส์ (Provence) แคว้นที่อยู่ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส เมืองอาร์ลส์เป็นเมืองที่ค่อนข้างมีความโดดเด่นในด้านของโบราณสถานสำคัญที่มีมาตั้งแต่ยุคสมัยโรมาเนสก์และด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานจึงเป็นสาเหตุให้ UNESCO ยกย่องเมืองอาร์ลส์ให้เป็นเมืองมรดกโลกในปี ค.ศ. 1981

• เข้าชม โรมัน แอมฟิเธียเตอร์ (Roman Amphitheatre) อัฒจันทร์รูปร่างทรงกลมขนาดใหญ่ ที่สร้างขึ้นประมาณช่วงศตวรรษที่ 1 ใช้สำหรับชมการแสดงต่างๆ เป็นหนึ่งในโบราณสถานโรมันที่ถูกยกให้เป็นมรดกโลกของเมืองอาร์ลส์
• เข้าชม โรงละครโรมัน (Roman Theatre) โรงละครกลางแจ้งทรงครึ่งวงกลมที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองอาร์ลส์ ที่สามารถจุผู้ชมได้ถึง 8,000 คน
• เข้าขม คริปโตปอรติกุส (Cryptoporticus) ทางเดินใต้ดินสถาปัตยกรรมโรมันโบราณที่มีความเก่าแก่ สร้างมาตั้งแต่ ศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสต์ศักราช โดยชาวกรีกที่เดินทางมาจากมาร์เซย ที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกจาก UNESCO เช่นเดียวกับ Roman Amphitheatre และ Roman Theatre
• ถ่ายรูป โบสถ์แซงต์ โทรแปงค์ ( Trophime Church) โบสถ์แห่งบิชอบแห่งแรกของเมืองอาร์ลส์ที่สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 3 ด้วยสถาปัตยกรรมแบบโรมัน

เดินทางกลับสู่ เมืองมาร์เซย (Marseille)

กลางวัน รับประทานอาหาร ณ ร้านอาหารท้องถิ่น

บ่าย ท่องเที่ยวในเมืองมาร์เซย

• เที่ยวชมเมือง เช่น โบสถ์นอเทรอดาม เดอ ลา การ์ด (Basilique Notre-Dame de la Garde) ตั้งอยู่บนยอดเขา มีรูปพระแม่มารีเป็นองค์ประธาน เล่ากันว่าในสมัยก่อนคนแถบนี้มักมาขอพรกับพระนางเพื่อให้การเดินเรือปลอดภัยและเมื่อเดินเรือปลอดภัยกลับมาแล้วก็มักจะนำเอาเครื่องแขวนมาเป็นของสักการะ แต่เมื่อเวลาผ่านไปทางเทศบาลเมืองได้ปรับปรุงให้สถานที่แห่งนี้เป็นอนุสรณ์สถานอันศักดิ์สิทธิ์และกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเมืองมาร์เซย, ท่าเรือ Le Vieux Port ท่าเรือเก่าแก่ของเมือง มาร์เซย เป็นที่รู้จักกันในนาม “ประตูสู่เมดิเตอร์เรเนียน” สมัยโบราณก็ยังเคยเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจที่สำคัญในการค้าขายระหว่างประเทศแถบชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและประเทศอาณานิคมของฝรั่งเศส

17.00 น. เดินทางกลับขึ้นเรือสำราญ

18.00 น. เรือออกเดินทางสู่ เมืองเจนัว (อิตาลี)

ค่ำ รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ

ที่พัก MSC WORLD EUROPA

เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ

08.00 น. เรือจอดเทียบท่าที่ เมืองเจนัว (อิตาลี)

เดินทางสู่ เมือง Santa Margherita Ligure เพื่อขึ้น Ferry

เดินทางสู่ เมืองปอร์โตฟิโน (Portofino) เมืองท่าแห่งชายทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่มีชื่อเสียงระดับโลก ล้อมรอบด้วยท่าเรือเล็กๆ จนได้รับการขนานนามว่าเป็น \"สวรรค์แห่งเมืองท่า\" ภายในตัวเมืองประกอบไปด้วยบ้านเรือนหลากสีสัน ตั้งตามเชิงเขาเขียวชอุ่ม โอบล้อมอ่าวที่มีเรือยอช์ตเทียบเรียงรายตลอดท่า

• เที่ยวชมเมืองปอร์โตฟิโน เช่น โบสถ์เซนต์มาร์ติน ( Martin Church)โบสถ์สไตล์โรมาเนสก์ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 เพื่ออุทิศให้กับนักบุญมาร์ตินแห่งตูร์ในเมืองปอร์โตฟิโน ได้รับการบูรณะอีกครั้งในช่วงศตวรรษที่ 19 จนมีความสวยงามถึงปัจจุบัน, ปราสาทและป้อมปราการ Castello Brown ที่สร้างมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 16 ในอดีตเคยใช้เป็นป้อมปราการป้องกันข้าศึก แต่ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์และยังเป็นจุดชมวิวที่สวยงามอีกแห่งของเมืองอีกด้วย

กลางวัน รับประทานอาหาร ณ ร้านอาหารท้องถิ่น

บ่าย เดินทางกลับสู่ เมือง Santa Margherita Ligure โดย Ferry

เดินทางกลับสู่ เมืองเจนัว

• เที่ยวชมเมืองเจนัว เช่น Piazza San Matteo โบสถ์โรมันคาทอลิกที่สร้างในศตวรรษที่ 11 โดย Martino Doria ต่อมาได้รับการบูรณะใหม่ในสไตล์กอทิก, อนุสาวรีย์คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส นักเดินเรือชาวอิตาลีผู้ค้นพบทวีปอเมริกา ที่ถือกำเนิดที่เมืองเจนัวแห่งนี้, อ่าวเจนัว ท่าเทียบเรือสำราญ เรือยอช์ตหรูและเรือใบสีขาวละลานตา, Lighthouse of Genoa หรืออีกชื่อคือ Lanterna ประภาคารสูงเก่าแก่สร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1128 สูงถึง 76 เมตร ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและแสงไฟจากประภาคารสามารถเห็นได้จากระยะ 50 กิโลเมตรเลยทีเดียว, Cathedral of San Lorenzo หรือมหาวิหารเซนต์ลอว์เรนซ์ โบสถ์โรมันคาทอลิกประจำเมืองเจนัว สร้างขึ้นช่วงปลายศตวรรษที่ 10 แต่เกิดเหตุไฟไหม้ในปี ค.ศ. 1296 ทำให้มีการบูรณะขึ้นใหม่ในสไตล์กอทิกที่มีซุ้มประตูแถบขาว-ดำที่สวยงาม, Piazza De Ferrari สถานที่นัดพบของชาวเมืองเจนัว เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจใจกลางเมือง บริเวณกลางของพลาซ่ามีน้ำพุขนาดใหญ่สร้างความสดชื่นให้กับชาวเมือง

15.00 น. เดินทางกลับขึ้นเรือสำราญ

16.00 น. เรือออกเดินทางสู่ เมืองเนเปิลส์ (อิตาลี)

ค่ำ รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ

ที่พัก MSC WORLD EUROPA

เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ

อิสระพักผ่อนบนเรือสำราญ สามารถร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่มีภายในเรือ ทั้งช้อปปิ้งร้านขายสินค้าปลอดภาษีบนเรือหรือกิจกรรมตามจุดต่างๆ บนเรือตามประกาศของเรือสำราญ

เที่ยง รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ

13.00 น. เรือจอดเทียบท่าที่ เมืองเนเปิลส์ (อิตาลี)

เดินทางสู่ เกาะคาปรี (Capri)

• ชมความสวยงามของ Blue Grotto ถ้ำทะเลที่ขึ้นชื่อเรื่องของปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่สีน้ำเงินของทะเลส่องประกายภายในความมืดมิดของถ้ำ ผจญภัยกับการนอนราบไปกับเรือเพื่อเข้าถ้ำ (ขึ้นกับสภาพอากาศโดยคำนึงความปลอดภัยของผู้เดินทางเป็นสำคัญ ... กรณีไม่สามารถไปได้ ขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนโปรแกรมเป็นท่องเที่ยวในเมืองเนเปิลส์แทน)

19.00 น. เดินทางกลับขึ้นเรือสำราญ

ค่ำ รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ

20.00 น. เรือออกเดินทางสู่ เมืองเมสซีนา (อิตาลี)

ที่พัก MSC WORLD EUROPA

เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ

09.00 น. เรือจอดเทียบท่าที่ เมืองเมสซีนา (อิตาลี)

เดินทางสู่ เมืองทาโอร์มินา (Taormina) เมืองที่ตั้งอยู่บนเนินเขาชายทะเลพร้อมฉากหลังที่เป็นภูเขาไฟเอตนา จึงทำให้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่สวยที่สุดของเกาะซิซิลี

ท่องเที่ยวชมเมืองทาโอร์มินา เช่น โรงละครกรีก (Greek Theatre) สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาล เป็นโรงละครกรีกที่ตั้งอยู่บนจุดที่ดีที่สุดในบรรดาโรงละครกรีกทั้งหมดที่มีอยู่ในโลก และยังคงใช้งานจนถึงปัจจุบันสำหรับจัดงานเทศกาลศิลปะต่างๆ, Piazza IX Aprile จุดชมวิวทะเล Azure Lonian ที่สวยงาม, ถนนคอร์โซ อัมเบอร์โต้ (Corso Umberto) ถนนสายหลักของเมือง มีร้านอาหาร ร้านขายของฝากและสินค้าพื้นเมืองมากมาย, วิหารซานนิโคลา (Cathedral of San Nicola) ตั้งอยู่ใจกลางเมืองทาโอร์มินา สร้างขึ้นโดยชาวสวาเบียนในสมัยยุคกลางศตวรรษที่ 13 ด้วยสไตล์บาโรก

กลางวัน รับประทานอาหาร ณ ร้านอาหารท้องถิ่น

บ่าย เดินทางสู่ ภูเขาไฟเอตนา (Mount Etna) ภูเขาไฟที่สูงที่สุดในยุโรป 3,340 เมตร และยังคงปะทุอยู่บ่อยครั้ง

• นั่ง กระเช้า Cable Car ขึ้นสู่จุดชมวิวที่ความสูงประมาณ 2,500 เมตร สัมผัสความสวยงามของวิวทิวทัศน์จากภูเขาไฟเอตนา พร้อมนั่ง รถ 4WD ขึ้นสู่ความสูงประมาณ 2,900 เมตร ซึ่งมีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี พบกับวิวที่เกิดจากการไหลของลาวาที่สวยงามจนแทบลืมหายใจ

18.00 น. เดินทางกลับขึ้นเรือสำราญ

ค่ำ รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ

19.00 น. เรือออกเดินทางสู่ เมืองวัลเลตตา (มอลตา)

ที่พัก MSC WORLD EUROPA

เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ

08.00 น. เรือจอดเทียบท่าที่ เมืองวัลเลตตา (มอลตา)

เดินทางสู่ เมืองเมดินา (Mdina) เมืองเล็กๆ ที่มีเสน่ห์ด้วยอาคารหินทรายเก่าแก่

ท่องเที่ยวชมเมืองเมดินา เช่น วิหารเซนต์ปอล (Cathedral of Saint Paul) มหาวิหารใจกลางเมืองสไตล์บาโรก ที่ออกแบบโดย Lorenzo Cafa และสร้างขึ้นใหม่ในศตวรรษที่ 17 ทดแทนโบสถ์เดิมที่เสียหายจากแผ่นดินไหว เรียกได้ว่าวิหารแห่งนี้เป็น Masterpiece ชิ้นหนึ่งในด้านสถาปนิก, พระราชวัง Palazzo Santa Sofia พระราชวังที่เก่าแก่ที่สุดของมอลตาที่ได้รับการเก็บรักษาไว้อย่างดี, Palazzo Vilhena พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติของมอลตา พร้อมด้วยการจัดแสดงผลงานทางธรณีวิทยารวมทั้งฟอสซิลแมลงและสัตว์ต่างๆ, Palazzo Falson เป็นพระราชวังสมัยศตวรรษที่ 13 ตกแต่งในสไตล์ซิซิลี-นอร์แมน เคยเป็นที่พักของตระกูลขุนนางชาวมอลตา ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวบรวมงานศิลปะและโบราณวัตถุ เช่น ภาพเขียนของ Sir Anthony Van Dyck และ Mattia Preti จิตรกรที่มีชื่อเสียงที่สุดของมอลตา รวมถึงผลงานอื่นๆ อีกมากมาย

กลางวัน รับประทานอาหาร ณ ร้านอาหารท้องถิ่น

เดินทางกลับ เมืองวัลเลตตา

ท่องเที่ยวชมเมืองวัลเลตตา เช่น พระราชวังแกรนด์มาสเตอร์ (Grand Master Palace) อดีตพระราชวังยุคศตวรรษที่ 16 ในอดีตเป็นสถานที่บัญชาการรบของอัศวินในยุคนั้น หลังเสร็จสิ้นสงครามได้ต่อเติมเป็นพระราชวัง แต่ถูกโอนย้ายเปลี่ยนมือกลายเป็นสถานที่พำนักของผู้ปกครองจากประเทศอังกฤษในช่วงศตวรรษที่ 19 และกลับมาถือครองโดยมอลตาภายหลังประกาศเอกราชในปี ค.ศ.1964 ในปัจจุบันใช้เป็นอาคารรัฐสภาแห่งมอลตา, สวนบารัคคา (Upper Barracca Garden) สวนสวยที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1661 โดยอัศวินชาวอิตาเลียน จากบริเวณสวนจะเห็นวิวของอ่าวแกรนด์ฮาร์เบอร์ได้ชัดเจน, วิหารเซนต์จอห์น (St. John’s Cathedral) สร้างโดยอัศวินเซนต์จอห์นเพื่อมอบเป็นเกียรติแก่ผู้อุปถัมภ์เหล่าอัศวินทั้งหลาย ความพิเศษของวิหารแห่งนี้คือการ ออกแบบตกแต่งโดยสถาปนิกและศิลปินชาวมอลตาในช่วงศตวรรษที่ 16

16.00 น. เดินทางกลับขึ้นเรือสำราญ

17.00 น. เรือออกเดินทางสู่ เมืองบาร์เซโลนา (สเปน)

ค่ำ รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ

ที่พัก MSC WORLD EUROPA

เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ

อิสระพักผ่อนบนเรือสำราญ สามารถร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่มีภายในเรือ ทั้งช้อปปิ้งร้านขายสินค้าปลอดภาษีบนเรือหรือกิจกรรมตามจุดต่างๆ บนเรือตามประกาศของเรือสำราญ

กลางวัน รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ

ค่ำ รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ

ที่พัก MSC WORLD EUROPA

หมายเหตุ:

ก่อนเรือกลับเทียบท่าใน เช้าวันถัดไป จะต้องดำเนินการเตรียมตัวเพื่อเช็กเอาต์ออกจากเรือดังนี้

1. จัดกระเป๋า Overnight bag สำหรับเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวจำเป็นที่ต้องใช้ในช่วงกลางคืนและเช้าวันถัดไป
2. จัดกระเป๋าใบใหญ่และวางไว้หน้าห้อง พร้อมผูกป้ายกระเป๋าสีต่างๆ ตามที่เรือกำหนด เจ้าหน้าที่ของเรือจะมาเก็บกระเป๋าใบใหญ่ไปในช่วงกลางดึก (ป้ายกระเป๋าสีต่างๆ นี้จะเป็นตัวกำหนดลำดับการนำกระเป๋าลงจากเรือ)
3. ชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งรายละเอียดค่าใช้จ่ายจะส่งให้ตรวจเช็กความถูกต้องก่อน (ชาร์จผ่านบัตรเครดิตที่ลงทะเบียนไว้ตอนเช็กอินในวันแรกของการขึ้นเรือโดยอัตโนมัติ)

เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ

09.00 น. เรือจอดเทียบท่าที่ เมืองบาร์เซโลนา (สเปน)

เช็กเอาต์ออกจากเรือสำราญ พร้อมรับกระเป๋าสัมภาระ

เดินทางสู่ La Roca Village เอาต์เลตที่รวบรวมสินค้าแบรนด์เนมมากกว่า 100 ร้านค้า เช่น ARMANI, BURBERRY, COACH, GUCCI, GEOX, GUESS, LACOSTE, LONGCHAMP, MICHAEL KORS, PANDORA, POLO RALPH LAUREN, SAMSONITE, THE NORTH FACE, TOD’S, TUMI, และอื่นๆ อีกมากมาย

กลางวัน อิสระรับประทานอาหารตามอัธยาศัย

บ่าย เดินทางสู่สนามบินเพื่อเช็กอิน

19.10 น. บินสู่ อิสตันบูล (ตุรเคีย) โดยเที่ยวบิน TK1856

23.35 น. ถึง สนามบินอิสตันบูล

01.35 น. บินสู่ สนามบินสุวรรณภูมิ (ไทย) โดยเที่ยวบิน TK 68

15.25 น. ถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ